แอนเดอสัน ซิลวา

แอนเดอสัน ซิลวา จากแชมป์ไร้พ่ายสู่ชายที่ผู้โชคร้ายของวงการมวยยูเอฟซี

หากพูดถึงตำนานของวงการมวยยูเอฟซี หลายคนก็คงต้องคุ้นหน้ากับชายที่ชื่อว่า แอนเดอสัน ซิลวา กันมาบ้างแล้ว หลังจากที่เจ้าตัวเคยเป็นแชมป์มิดเดิ้ลเวทของสมาคมมาเป็นระยะเวลานาน แต่ทว่าหลังจากที่เขาเป็นแชมป์ผู้ไร้พ่ายมานานจนเกินไป ก็ทำให้ซิลวาเริ่มประมาทคู่ต่อสู้จนต้องเสียแชมป์ที่เคยคาดกันว่า เขาจะไม่มีวันเสียจนถึงเวลาเกษียณตัวเอง ไปจนถึงอาการบาดเจ็บและขาหักกับไฟท์ระหว่างคริส วีดเดอร์ที่ทำให้เขาสูญเสียตัวตนและไม่กลับมาเป็นคนเดิมอีกเลย                ในวันที่ แอนเดอสัน ซิลวา อยู่บนจุดสูงสุดของสมาคมยูเอฟซีก็คงหนีไม่พ้นปี 2006 ที่เขาสามารถเอาชนะริช แฟรงคลินมาได้และกลายเป็นแชมป์โลกรุ่นมิดเดิ้ลเวทคนใหม่ของสมาคม ก่อนที่รูปแบบการชกของเขาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ใช้ความเร็วในการโจมตีคู่ต่อสู้ กลับเปลี่ยนเป็นการเลือกที่จะหลบคู่แข่งแทนในช่วงเวลาที่เขาเชื่อว่าทำคะแนนเหนือคู่ต่อสู้อยู่จนทำให้ซิลวามักจะเอาชนะคะแนนได้เสมอและป้องกันแชมป์ไปได้ แม้ว่าเจ้าของสมาคมอย่างดาน่า ไวท์จะไม่ได้พอใจนักชกชาวบราซิลนี้นัก เนื่องจากสู้ได้ไม่สมศักดิ์ศรีของแชมป์นั่นเอง แต่ทว่าวันที่ แอนเดอสัน ซิลวา ต้องเสียแชมป์ยูเอฟซีก็มาถึง เมื่อเขาได้สู้กับคริส วีดเดอร์ เพื่อจะส่งท้ายอาชีพของเขา เจ้าตัวกลับเลือกที่จะยั่วผู้ท้าชิงในยกสอง ทว่าครั้งนี้เขาพลาดและโดนอัดจนกรรมการยุติการชกพร้อมกับเสียแชมป์ไปได้ทันที หลังจากนั้นไม่นาน ทางซิลวาก็กลับมาขอท้าชิงอีกครั้งในปลายปี 2013 แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่โชคร้ายยิ่งกว่าเก่า เมื่อเขาพยายามจะเตะเข้าไปที่ขาของวีดเดอร์ แต่โดนเจ้าของแชมป์ยกขาขึ้นมากันไว้ ส่งผลให้ซิลวาขาหักเป็นสองท่อนทันที แล้วกรรมการต้องสั่งยุติการชกอีกครั้ง                แม้ว่าแอนเดอสัน ซิลวาจะรักษาอาการบาดเจ็บไปไม่นานอย่างที่คนอื่นคาดไว้ แต่ทว่าชีวิตใน ยูเอฟซี หลังจากวันที่เขาขาหักนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นหลังมือ เพราะมักจะเกิดปัญหาทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ การใช้สารกระตุ้นหรือไม่ก็แพ้ต่อนักชกคนอื่น ๆ อยู่เสมอ จนทำให้ในปี 2020 นั้นเขาก็ได้ถูกยกเลิกสัญญาออกจากค่ายดังไปในที่สุด […]

Continue Reading
ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ

ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ที่เกือบต้องรีไทร์หายไปจากรายการยูเอฟซี

เรียกได้ว่ากีฬาศิลปะป้องกันตัวยังเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่เสมอ เมื่อทาง ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้อกมาเปิดเผยว่าที่ตัวเขาจะต้องห่างหายไปจากวงการนั้นก็เพราะว่าตัวเขาถูกทีมแพทย์สั่งให้หยุดขึ้นชกหากไม่ได้ต้องการเสียชีวิตไปก่อนนั่นเอง ซึ่งจากเดิมนั้นตัวเขาได้ไต่อันดับจนกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่เตรียมจะขึ้นชิงแชมป์เวลเทอเวทของสมาคมยูเอฟซีแล้ว แต่ทว่าสองปีหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่กลับมาสู่สังเวียนอีกเลย อีกทั้งตัวเขาอาจจะต้องจบอาชีพตัวเองไปแล้วเช่นกัน                ด้วยการที่ ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้หายไปจากรายการยูเอฟซีอย่างยาวนานนั่นเอง เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าตัวเขาอาจไม่มีโอกาสได้ขึ้นสู่สังเวียนอีกต่อไปจากคำสั่งแพทย์ โดยเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริงๆ เมื่อตอนที่ผู้คนไม่รู้ความจริงนั้น เขาก็ไม่ต้องการรู้จริงๆ แต่เมื่อมีบางเรื่องได้เกิดขึ้นมาแล้วนั้น มันกลายเป็นเรื่องที่แปลกไปหมดเลย อีกทั้งตัวเขาไม่ต้องการจะพูถึงเรื่องนี้มากนักเพราะมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับตัวเขาพอสมควรเลยทีเดียว ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้หายไปจากรายการยูเอฟซีอย่างยาวนาน                สิ่งที่เกิดขึ้นกับทางซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอก็คือ ตัวเขาเกิดติดเชื้อขึ้นมาในร่างกาย ก่อนที่จะลามไปยังกระแสเลือดของเขา ซึ่งมันจะเป็นแบคทีเรียที่แฝงตัวอยู่ในน้ำหรืออาจจะติดมาจากพืชพันธุ์ต่างๆ ที่ได้อยู่ในร่างกายของเขาจนตัวเองจะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึงแปดวันด้วยกัน เมื่อตัวเขารักษาหายครั้งแรกแล้วนั้น เจ้าตัวก็เกิดน้ำหนักลดไปหลายปอนด์ อีกทั้งยังมีไข้ขึ้นสูงจนทำให้ตัวเขาต้องกลับไปยังโรงพยาบาลเช่นเดิม แต่ทว่าสภาพร่างกายของเขานั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าจะพยายามฝึกอย่างหนักแล้วก็ตาม                เมื่อทางซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอได้กลับไปตรวจร่างกายอีกครั้งหนึ่งแล้วนั้น เจ้าตัวก็ต้องพบกับข่าวร้ายว่าตัวเขาไม่สามารถขึ้นชกมวยได้อีกแล้ว เมื่อเขาเกิดติดเชื้อที่กระดูกจนทำให้ร่างกายของเขาไม่ปกติ ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาใหม่ตั้งแต่ต้นพร้อมเตรียมกลับมาฝึกอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานจนกว่าตัวเขากลับมาสู่ยูเอฟซีได้นั่นเอง ติดตามกีฬาอีกมากมายหลายประเภทได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จอห์น แมคคาธี

จอห์น แมคคาธี ผู้ออกมาวิจารณ์ดาน่า ไวท์ จากสมาคมยูเอฟซี

กลายเป็นเรื่องดุเดือดพอสมควร เมื่อทาง จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคมเบลลาทอร์ที่ออกมาพูดถึงประธานสมาคมยูเอฟซีอย่างดาน่า ไวท์ว่าเป็นพวกกลับกลอกในวงการ เมื่อตัวของไวท์เองกลับออกมาพูดถึงสมาคมของตัวเองว่าเป็นทีมงานสำคัญที่ทำให้วงการนักต่อสู้ยังมีต่อไปได้หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่ท่าในวิดีโอที่ทางดาน่าปล่อยออกมากลับดูเหมือนว่าตัวเขาจะยกย่องตัวเองมากจนเกินไป จนกระทั่งผู้บรรยายชื่อดังคนนี้ต้องออกมาวิจารณ์นั่นเอง                จากคำพูดของ จอห์น แมคคาธี ได้บอกว่า แม้ว่าจะมีชายคนหนึ่งที่คอยออกมาบอกว่าสื่อไม่ได้มีความสำคัญอะไรและแม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่สื่อเช่นเดียวกัน แต่ทว่าคนอย่างดาน่า ไวท์ก็เป็นคนที่ชอบออกมาวิจารณ์ถึงพาดหัวข่าวล่อเหยื่ออยู่เป็นประจำเช่นกัน แต่ทว่าสุดท้ายแล้วตัวดาน่าเองก็ใช้วิธีการแบบเดียวกันอยู่ดี จนไม่อาจจะแยกตัวเขาออกจากสื่อไปเช่นเดียวกัน โดยทางผู้บรรยายจากเบลลาทอร์เองเริ่มรู้สึกว่า ตัวของดาน่าควรละอายใจที่เคยพูดเรื่องนี้ออกไปและการเชิญชูตัวเองว่าเป็นเหมือนฮีโร่อีกด้วย จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคม                ด้วยความที่จอห์น แมคคาธีเองก็เคยเป็นนักสู้มาก่อน ตัวเขาก็ไม่ต้องการให้รายการยูเอฟซีต้องถูกยกเลิกไปในช่วงที่มาการระบาดออกมาใหม่ๆ แต่ทว่าสิ่งที่ดาน่า ไวท์ทำก็คือการเอาคนอื่นมาเสี่ยงเพื่อเงินให้กระเป๋าของตัวเองเท่านั้น อีกทั้งวิดีโอนำเสนอของเขานั้นเหมือนจะสื่อสารผิดพลาดไปเพราะตัวเขาไม่ได้ให้เครดิตกับใครเลยยกเว้นตัวเอง ซึ่งตามที่รายการในครั้งที่ 249 ได้ถูกเลื่อนไปถึงสองครั้งนั้น มันถือเป็นการเสียสละของเหล่าทีมงานกับนักกีฬามวยที่ยอมเสี่ยงเพื่อวงการตัวเองให้เดินไปต่อได้ในถึงปัจจุบัน                เรียกว่าประเด็ที่จอห์น แมคคาธีพยายามจะสื่อนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อวิดีโอจากยูเอฟซีได้ปล่อยออกมานั้นดูจะเข้าข้างทางประธานสมาคมอย่างดาน่า ไวท์มากเกินกว่านักสู้คนอื่นๆ ที่ควรได้รับเครดิตจากการมาต่อสู้หรือการเดินทาง รวมถึงการกักตัวต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาสามารถขึ้นสู้ได้นั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาอีกมากมายหลากหลายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
มาร์ลอน โมเรส

มาร์ลอน โมเรส ที่ต้องการท้าทายตัวเองมากกว่าอยู่เฉย ๆ ในการขึ้นชก

อาจเป็นเพราะทาง มาร์ลอน โมเรส ได้ขึ้นชกกับนักสู้ในรุ่นแบนตัมเวทมาตลอดสามปีนับตั้งแต่ปี 2017 ที่ตัวเขาได้เข้ามาสู้ในสมาคมยูเอฟซี ซึ่งเขาได้มองว่าการต่อสู้ครั้งที่เก้าในสมาคมนี้น่าจะช่วยให้เขาเจอกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอาชีพเขาเลยทีเดียว โดยย้อนไปในอดีตนั้นทางมาร์ลอนได้เจอกับแชมป์ของรุ่นมาก่อนแล้ว แต่ทว่าเขากลับแพ้ไป ก่อนที่จะกลับมามีโอกาสได้สู้กันนักชกคนอื่นพร้อมกับเอาชนะมาได้แล้ว แต่ทว่ายังไม่มีโอกาสกลับไปแก้มืออีกครั้งเลยนับตั้งแต่นั้น                ในการที่ มาร์ลอน โมเรส ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ดับเบิ้ลเอสโอเอฟได้ท้าชิงแชมป์เจอกับเฮนรี่ เซจูโด้ในปี 2019 แต่ทว่าเจ้าตัวกลับแพ้ไป ก่อนที่ต่อมาจะได้สู้กับโจเซ่ อัลโด้และสามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ทว่าทางอัลโด้กลับมีโอกาสได้ขึ้นไปท้าชิงแชมป์แทนเขาในช่วงปลายปี จนกระทั่งตัวเขาต้องพักการชกไปอย่างยาวนานด้วยภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งเจ้าตัวต้องรอจนถึงเดือนตุลาคมที่จะกลับมาสู่สังเวียนอีกครั้ง แต่กลับต้องแพ้น็อคเอาท์ให้กับคอรี่ แซนด์ฮาเกน มาร์ลอน โมเรส ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ดับเบิ้ลเอสโอเอฟได้ท้าชิงแชมป์เจอกับเฮนรี่ เซจู                เมื่อมาร์ลอน โมเรสหรือฉายาเมจิกกำลังต้องการชัยชนะจากรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 และมีคิวต้องเจอกับร็อบ ฟอนต์ พร้อมยอมรับว่าตัวเขามีความกดดันที่จะต้องขึ้นชกในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมาร์ลอนยังท้าทายตัวเองอยู่ตลอดและมาที่นี่เพื่อชัยชนะอีกด้วย โดยตัวเขากระหายชัยชนะอย่างมาก หลังจากที่ไฟท์ล่าสุดต้องแพ้มาได้ทำให้เขายิ่งต้องการจะสู้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ต้องพยายามท้าทายตัวเองให้เป็นคนที่เก่งกว่าเดิมในทุกๆ วัน หากตัวเขาต้องแพ้ไปในไฟท์ที่แล้ว แต่ไฟท์ข้างหน้าเขาหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น                แม้ว่าทางมาร์ลอน โมเรสจะมีความพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะในไฟท์ที่เจอกับร็อบ ฟอนต์ในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 แต่ทว่าสุด้ทายเจ้าตัวก็ต้องแพ้ให้กับคู่ชกมวยไปตั้งแต่ยกแรก หลังจากที่โดนอัพเปอร์คัทเข้าไป ก่อนที่จะร่วงไปพร้อมกับโดนซ้ำจนกรรมการต้องมายุติการชกทันที ติดตามเรื่องราวของกีฬาอีกมากมายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
วันเดอร์บอย

วันเดอร์บอย ธอมป์สันที่ผิดหวังกับทิศทางของวงการสมาคมยูเอฟซี

เป็นความเห็นที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับทางสตีเฟ่น วันเดอร์บอย ธอมป์สันที่ออกมาพูดถึงระบบการจัดการของสมาคมยูเอฟซี เรื่องการจัดลำดับของนักสู้ในแต่รุ่น ซึ่งตัวเขามองว่าทุกวันนี้ทางทีมงานเน้นเรื่องความนิยมกับกระแสของสังคมมากเกินไปจนทำให้นักสู้ที่มีฝีมือบางคนไม่ได้รับโอกาสนั้น โดยที่เจ้าตัวนั้นก็เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างวินเซนต์ ลูเก้ได้ในไฟท์ล่าสุดและเคยคิดไว้ว่าจะทำอันดับขึ้นไปเจอกับคนที่อยู่อันดับสูงกว่าในรุ่นเวลเตอร์เวท แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น                หลังจากที่ทาง วันเดอร์บอย ธอมป์สันได้เห็นโพสต์ของนักสู้ลำดับที่สามอย่างลีออน เอ็ดเวิร์ดต้องการเจอกับนักสู้ที่อยู่ลำดับสูงนั้น ตัวเขาก็เริ่มคิดว่าอาจเป็นอากาสอันดีที่ทั้งสองจะมีโอกาสสู้กัน แต่ทว่าคำตอบของเอ็ดเวิร์ดนั้นกลับทำให้ขึงกับสับสนเลยทีเดียว เมื่อทางลีออนบอกว่าเขาไม่ได้อยากสู้ด้วย ก่อนที่ทางเอ็ดเวิร์ดเองจะโดนตัดชื่อออกจากการจัดลำดับและก็กลับมาอีกครั้ง รวมถึงตอนนี้เขาจะได้สู้กับคัมแซท ชิเมฟแต่ทว่ากลับมีคนติดเชื้อโควิดจนทำให้เรื่องราวกลับวุ่นวายไปหมด วันเดอร์บอย ธอมป์สันได้เห็นโพสต์ของนักสู้ลำดับที่สามอย่างลีออน เอ็ดเวิร์ด                สิ่งที่ทำให้วันเดอร์บอยไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงไม่ยอมสู้กับเขาและเลือกจะไปใช้สังคมออนไลน์เพื่อบ่นว่า ไม่มีใครในแรงค์ที่ต้องการเจอกับเขา ทั้งทีทางธอมป์สันที่อยู่ในลำดับห้าได้ท้าเจอไปแล้ว แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ ก่อนที่จะเกิดไฟท์กับคัมแซทขึ้น เพียงเพราะว่าทางสมาคมต้องการจะเจาะตลาดที่คาบิบทำเอาไว้ก่อนจะแขวนนวมไป จนดูเหมือนว่ายูเอฟซีต้องการแค่ความนิยมของฐานคนดูมากกว่าจะจัดไฟท์ผ่านความสามารถของนักสู้แต่ละคนไปเสียอย่างนั้น                เข้าใจได้ว่าทางสตีเฟ่นวันเดอร์บอยธอมป์สันคงหัวเสียไม่น้อยที่สุดท้ายเหล่านักมวยก็ทำเพื่อความนิยมหรือชื่อเสียงมากกว่าจะต่อสู้และคัดเลือกผ่านฝีมือของตัวเอง ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคัมแซทแต่ทว่ายังมีนักสู้มากที่สมควรได้รับโอกาสมากกว่านี้นั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาต่าง ๆ มากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
มิเชล พิเรร่า

มิเชล พิเรร่า ที่ไม่ได้สู้กับแอนโธนี่ เพททิสในรายการยูเอฟซีเวกัส

กลายเป็นความผิดหวังของ มิเชล พิเรร่า ไปเสียอย่างนั้น แม้ว่าตัวเขาจะมีโอกาสได้ขึ้นชกในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 ก็ตาม ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ได้คิดว่าจะเจอกับคาโอส วิลเลี่ยมส์ แต่เป็นทางแอนโธนี่ เพททิสมากกว่า ซึ่งชื่อของฝ่ายหลังเคยเป็นถึงอดีตแชมป์ไลท์เวทมาก่อน แม้สุดท้ายแล้วเจ้าของฉายาโชว์ไทม์จะปฏิเสธไฟท์นี้ไป ก่อนที่จะมีคิวขึ้นชกในรายการเดียวกันเพื่อเจอกับอเลกซ์ โมโรโนแทน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบอกว่ามีอาการบาดเจ็บก็ตาม                ในการสัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์เอ็มเอ็มเอไฟท์ติ้งนั้นทาง มิเชล พิเรร่า ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวนี้ว่า ตัวเขาผิดหวังกับทางแอนโธนี่ เพททิสอย่างมากเพราะทางฝ่ายนั้นได้บอกว่าตัวเองมีอาการบาดเจ็บที่หลังจนมสามารถขึ้นชกได้ ซึ่งตอนแรกมิเชลก็เข้าใจดี แต่ทว่าตอนนี้เพททิสกลับมีชื่ออยู่ในการขึ้นชกวันเดียวกลับเขาเสียอย่างนั้น แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้สู้กันหรือเพียงเพราะทางเพททิสกลัวเขามากเกินไปหรือไม่ นอกจากนี้ตัวของมิเชลเองยังเกือบไม่ได้ขึ้นชกในเดือนธันวาคมเพราะว่าทางอีกฝ่ายให้คำตอบเขาช้าเกินไปอีกด้วย มิเชล พิเรร่า ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวนี้ว่า ตัวเขาผิดหวังกับทางแอนโธนี่ เพททิส                เมื่อทางทางแอนโธนี่ เพททิสไม่ยอมสู้กับเขา สิ่งที่มิเชล พิเรร่าคิดได้ก็คงมีเหตุผลเดียวเท่านั้นก็คือทางเพททิสกลัวที่จะเจอกับเขาและเลือกไปสู้กับคนอื่นแทน แล้วเขาก้รู้ดีกว่าในรุ่นไลท์เวทนี้มีคนมากมายที่กลัวในการชกมวยกับเขาแต่ทว่าตัวเขาเองก็จำเป็นจะต้องจัดการทุกคนที่ขวางหน้าเพื่อขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดเช่นกัน แต่ทว่าทางเพททิสเองก็ออกมาชี้แจงว่า ตัวเขามีแผนจะสู้กับคนอื่นในช่วงวันที่ 12 ธันวาคม แต่ทว่าเอ็ดเวิร์ดเกิดติดโควิดไปเสียก่อน จนทำให้เขาว่างมาสู้แล้ว แต่ในรายชื่อของนักสู้ทั้งห้าคนที่ดาน่า ไวท์เลือกมาไม่ได้มิเชลแล้ว เนื่องจากตัวเขามีไฟท์ในยูเอฟซีเวกัสไปก่อนแล้วนั่นเอง                แม้ว่าทั้งสองคนจะยังไม่ได้สู้กันก็ตาม แต่ชื่อของมิเชล พิเรร่ากับแอนโธนี่ เพททิสก็ยังอยู่ในรุ่นน้ำหนักเดียวกัน ซึ่งการชนะของทั้งคู่ในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 นั้นอาจพาให้สองฝ่ายเลิกปะทะคารมแล้วไปสู้กันบนเวทีแทนในอนาคตได้เช่นกัน […]

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่คิดว่าตัวเองถูกโกงในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256

เรียกได้ว่าเป็นเหยื่อของการทำผิดกติกาก็ว่าได้ เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ หลังจากจบไฟท์กับเซอริล เกนในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256 หลังจากที่อดีตแชมปืโลกเฮฟวี่เวทคนนี้ต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่สี่ติดต่อกันภายในระยะเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น แต่ทว่าครั้งล่าสุดกลับเป็นประเด็นที่ทำให้เขาต้องการออกมาชี้แจงเพราะการฟันศอกของเกนไปที่ท้ายทอยของเขาได้ทำตัวกรรมการต้องสั่งยุติการชกทันที รวมถึงประเด็นที่ตัวเขาอาจต้องรีไทร์ในวัย 36 ปีอีกด้วย                เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้พูดถึงไฟท์ที่ผ่านมานั้น ตัวเขาก็มองว่าตัวเองพลาดที่ไม่สมารถสู้ได้อย่างที่หวัง เพราะตัวเองมีความกดดันมากเกินไปจากเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งตัวเขาไม่ได้รู้สึกดุดันหรือบ้าเลือดมากเหมือนกับแต่ก่อน จนกระทั่งตัวเขาต้อมาเสียเปรียบในไฟท์นี้เข้าจนได้ โดยตัวเขาได้คิดไว้ก่อนแล้วว่าไฟท์ที่เจอกับเซอริล เกนจะต้องออกมาแบบนี้เนื่องจากรูปร่างของคู่แข่งและการโมตีที่เหมือนกับคนอื่นในรุ่น แต่ตัวเขากลับเปิดช่องว่างเองเสียอย่างนั้น การเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของ จูเนียร์ ดอสซานโตส กลายเป็นเรื่องโชคร้าย                แต่ประเด็นสำคัญของไฟท์ระหว่างดอสซานโตสกับเกลนั้นคือจังหวะฟันศอกที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องผิดกติกา แต่ทว่ากรรมการไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเจ้าตัวก็มองว่าทางเกนต้องการจะเล่นงานเขาด้วยหมัดปกติและมักกระแทกเข้าที่หูของเขา วึ่งมันไม่ได้ผิดกติกา แต่ทว่าท่อนแขนกับข้อศอกของเกลนั้นกระแทกกับท้ายทอยของเขาเต็มๆ จนทำให้เขาหมดสติไปไม่กี่วินาที แต่ทว่าตอนเขาได้สติกลับมาแล้วนั้น ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ก่นอที่เขาจะได้มาดูภาพย้อนหลังว่า ตัวเองได้ถูกเล่นงานเข้าที่ศีรษะจริงๆ ซึ่งตัวเขาไม่ได้พยายามหันหลังให้แต่อย่างใด แต่ตัวเขายืนในท่านั้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วอีกด้วย                นับว่าการเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของจูเนียร์ ดอสซานโตสกลายเป็นเรื่องโชคร้ายที่โดนท่าฟันศอกที่ปิดกติกาไปเสียอย่างนั้น โดยที่ตัวเขาก็พยายามยื่นเรื่องแจ้งเพื่อเปลี่ยนคำตัดสินใจไฟท์นี้ ส่วนอนาคตของเขากับยูเอฟซีนั้นก็เป็นเรื่องของดาน่า ไวท์ที่อาจจะยกเลิกสัญญาเมือ่ไหร่ก็ได้ แต่ตัวเขาจะยังไม่เลิกชกมวยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ติดตามเรื่องราวกีฬามากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
คริสโตส เกียกอส

คริสโตส เกียกอส ที่เตรียมขึ้นชกในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17

กลายเป็นคนที่มีโอกาสได้ขึ้นสังเวียนไปเสียอย่างนั้น เมื่อทาง คริสโตส เกียกอส เตรียมจะต้องสู้กับคาร์ตัน ไมนัสในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 ช่วงก่อนสิ้นปีนี้ โดยจากเดิมนั้นทางไมนัสจะต้องเจอกับริค เกลนน์ แต่ทว่าเจ้าตัวได้ติดเชื้อโควิดไปก่อนและต้องถอนตัวไปในช่วงวันที่ 16 ธันวาคมเท่านั้น อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการยกเลิกไฟท์ต่างๆ มากมายในรายการเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่ทว่าทางสมาคมไม่ได้มีแผนที่จะยกเลิกรายการทั้งหมดออกไปแต่อย่างใด                หลังจากที่มีการยืนยันผ่านทวิตเตอร์ของนักข่าวอย่างอัล ซูลลิโน่แล้วนั้นว่าริค เกลนน์ไม่สามารถมาขึ้นสังเวียนได้ทันอย่างแน่นอน ก็ทำให้ทางสมาคต้องเร่งหาตัวแทนของแมตช์นี้ ก่อนจะมาลงเอยที่นักสู้ชาวอเมริกันอย่าง คริสโตส เกียกอส ที่จะมาเป็นตัวแทนและมีเวลาฝึกซ้อมก่อนขึ้นชกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งไฟท์สุดท้ายที่เจ้าตัวได้แข่งขันให้กับสมาคมยูเอฟซีต้องย้อนไปในปี 2019 จากคู่ประกอบรายการใหญ่ที่คอร์เมียร์เจอกับมิโอซิคที่ตัวเขาเจอกับแดรกการ์ โคลสและต้องแพ้ไปด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ คริสโตส เกียกอส ได้รับส้มหล่นมาโดยบังเอิญ จากเดิมที่ตัวเขามีอาการบาดเจ็บ                ด้วยสถิติในสมาคมยูเอฟซีที่ 3 ต่อ 4 ทำให้ทางคริสโตส เกียกอสต้องการจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ซึ่งจากเดิมในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้นตัวเขาก็มีแผนที่จะขึ้นชกกับอลัน แพททริค แต่ทว่าเจ้าตัวเกิดได้รับอาการบาดเจ็บก่อนจนไม่สามารถขึ้นชกได้ ส่วนทางด้านชัยชนะครั้งสุดท้ายของเขานั้นก็เกิดขึ้นจากการเอาชนะคะแนนแบบเป็นเอกฉันท์ต่อแมทธิว เซเมลสเบกเกอร์ในการเปิดตัวของเขากับสมาคมคมนั่นเอง ซึ่งในรายการยูเอฟซีเวกัสนี้จะเป็นโอกาสครั้งใหม่ของเขาเช่นกัน                นับว่าทางคริสโตส เกียกอสได้รับส้มหล่นมาโดยบังเอิญ จากเดิมที่ตัวเขามีอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถขึ้นชกในช่วงกลางปีมาได้ จนเกือบจะจบปีด้วยการร้างสังเวียนมวย แต่ทว่าทางริค เกลนน์กลับได้รับอาการบาดเจ็บเสียก่อนจนทำให้รายการยูเอฟซีเวกัสมีที่ว่างพอจะทำให้เขาได้ขึ้นสังเวียนไปเจอกับคาร์ตัน ไมนัสนั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จอร์ฟ เนล

จอร์ฟ เนล ที่ไม่สนเรื่องกระแสของ คัมแซท ชีเมฟ นักสู้ดาวรุ่ง

แม้ว่าทางรุ่นเวลเทอร์เวทจะมีเรื่องมากมายเป็นกระแสก็ตาม แต่ทว่าทาง จอร์ฟ เนล ที่มีไฟท์ต้องเจอกับสตีเฟ่น ธอมป์สันนั้นไม่ได้มีสนใจว่าข่าวคราวในวงการจะเป็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องของคัมแซท ชีเมฟที่เป็นนักสู้ดาวรุ่งและมีสถิติชนะสองไฟท์เท่านั้น แต่กลับได้ขึ้นชกเป็นคู่ใหญ่จนทางธอมป์สันต้องออกมาพูดถึงกระแสนี้ว่าตัวเขาไม่เข้าใจเลย ส่วนทางจอร์ฟนั้นก็มองว่าสิ่งที่คัมแวททำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทว่านักสู้คนนั้นก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอเช่นกัน                การที่ จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ กับนักชกในรุ่นเดียวกันอย่างคัมแซท ชีเมฟที่เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ถึงสองไฟท์ในระยะเวลาเพียง 10 วันก็ตาม ซึ่งตัวเขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเลย แต่ตัวเขาก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นกัน เพราะยูเอฟซีก็เป็นธุรกิจหนึ่ง  แล้วสิ่งที่คัมแซททำเพื่อมายืนถึงจุดนี้ก็เป็นวิธีการที่เข้าใจได้ หากพูดในมุมมองของธุรกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องการต่อสู้นั้น ทางจอร์ฟมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่นักสู้คนนี้จะมาอยู่ลำดับสูง จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ                เมื่อจอร์ฟ เนลได้พูดถึงเรื่องรุ่นน้ำหนักของตัวเองนั้น ตัวเขาก็มองว่าทางคัมแซทเพิ่งจะมีโอกาสได้สู้ในรุ่นเวลเทอร์เวทเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าตัวกลับมาอยู่ในอันดับสามของตารางได้มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และตัวเขาไม่สมควรได้รับมัน เพราะส่วนตัวนั้นตัวเขาควรได้รับความนิยมตามที่ตัวเองต้องการเท่านั้น นอกจากการพูดถึงนักสู้ในรุ่นเดียวกันแล้วนั้น ทางจอร์ฟก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนิสัยตัวเองที่รู้สึกรักศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ได้มาสู่ในยูเอฟซีเพื่อเงินแต่อย่างใด เพราะตัวเขาต้องการจารึกชื่อของเขาไว้ในวงการมากกว่า                อาจเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเช่นกัน หากทางจอร์ฟ เนลนั้นอาจตกอันดับไปแล้วมีทางคัมแซท ชีเมฟมาแทนที่เขา ทั้งที่ประสบการณ์และจำนวนไฟท์ต่างกัน แม้ว่าทุกอย่างบนโลกจะเป็นเรื่องของธุรกิจก็ตาม แต่หากใช้ความนิยมในการเลือกคู่ต่อสู้กัน ทางสมาคมก็อาจกลายเป็นมวยโชว์ไปได้ในอนาคตเช่นกัน ติดตามข่าวกีฬาอื่น ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับสาเหตุที่ไม่ไปชกที่ยูเอฟซีแต่เลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน

ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดคาดไม่น้อย เมื่อทางนักชกอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองไม่ได้ต้องการไปขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวในสมาคมดังอย่างยูเอฟซีและเลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน ซึ่งอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิคนั้นได้รับการขนาดนามว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ จนตัวเองเลือกจะย้ายวงการมาสู้แบบศิลปะป้องกันตัวหรือเอ็มเอ็มเอแทน โดยเจ้าตัวมีเป้าหมายว่าจะเป็นสุดยอดนักกีฬาของทั้งสองวงการเลยทีเดียว                สิ่งที่ คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวนั้นจะเป็นลูกผสมระหว่างมวยปล้ำกับการโจมตีด้วยขาต่างๆ รวมถึงการจับทุ่ม ซึ่งตัวเธอนั้นก็เริ่มฝึกกับตำนานอย่างจอน โจนส์และฮอลลี่ โฮมส์อีกด้วย แม้ว่าตัวเธอจะยังคงใหม่กับวงการนี้ก็ตามและยังคงไม่มีแผนที่จะรีบเปิดตัวในการสู้ครั้งต่อไปของเธอด้วยการเจอกับนักแข่งที่เคยลงสนามมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงเลือกไปสู้กับพีเอฟแอลแทนยูเอฟซีทั้งที่รู้จักกับประธานอย่างดาน่าไวท์อีกด้วย คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชก                ตามการสนทนาระหว่างคลาเรสซ่า ชิลด์กับดาน่า ไวท์นั้น ทางนักชกได้บอกว่าตัวประธานคนนี้ต้องการจะให้เธอสู้ครั้งเดียวบนเวทีแปดเหลี่ยมของเขา โดยที่จะให้สู้กับยอดฝีมือที่มีน้ำหนักเท่าเธอนั่นเอง แต่ทว่าทางนักชกกลับมองว่าตัวเธอต้องการจะฝึกฝนกับอาชีพนี้ให้นานมากพอที่จะขึ้นชก พร้อมกับพัฒนาฝีมือต่อไป ซึ่งหากดาน่าเสนอให้เธอฝึกฝนเป็นเวลานานหรือสองปีนั้นคงจะดีกับตัวเองเธอเองมากกว่า ส่วนในทางพีเอฟแอลนั้นได้เสนอให้เธอได้สู้พร้อมกับพัฒนาตัวเองไปตลอดฤดูกาลที่ทำให้เธอสนใจเลือกทางนี้มากกว่านั่นเอง                เรียกว่าทางนักชกอย่างคลาเรสซ่า ชิลด์น่าจะยังคงมีอนาคตในวงการศิลปะป้องกันตัวอีกมาก เนื่องจากชื่อชั้นของเธอเองตั้งแต่เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นไปจนถึงการเป็นการเป็นนักมวยที่ดีที่สุดแบบปอนด์ต่อปอนด์ จนกระทั่งเลือกมาเส้นทางการชกอีกแบบหนึ่งที่มีทั้งสมาคมยูเอฟซีกับพีเอฟแอลอีกด้วย ติดตามข่าวกฬาต่าง ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading