จอร์ฟ เนล

จอร์ฟ เนล ที่ไม่สนเรื่องกระแสของ คัมแซท ชีเมฟ นักสู้ดาวรุ่ง

แม้ว่าทางรุ่นเวลเทอร์เวทจะมีเรื่องมากมายเป็นกระแสก็ตาม แต่ทว่าทาง จอร์ฟ เนล ที่มีไฟท์ต้องเจอกับสตีเฟ่น ธอมป์สันนั้นไม่ได้มีสนใจว่าข่าวคราวในวงการจะเป็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องของคัมแซท ชีเมฟที่เป็นนักสู้ดาวรุ่งและมีสถิติชนะสองไฟท์เท่านั้น แต่กลับได้ขึ้นชกเป็นคู่ใหญ่จนทางธอมป์สันต้องออกมาพูดถึงกระแสนี้ว่าตัวเขาไม่เข้าใจเลย ส่วนทางจอร์ฟนั้นก็มองว่าสิ่งที่คัมแวททำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทว่านักสู้คนนั้นก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอเช่นกัน                การที่ จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ กับนักชกในรุ่นเดียวกันอย่างคัมแซท ชีเมฟที่เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ถึงสองไฟท์ในระยะเวลาเพียง 10 วันก็ตาม ซึ่งตัวเขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเลย แต่ตัวเขาก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นกัน เพราะยูเอฟซีก็เป็นธุรกิจหนึ่ง  แล้วสิ่งที่คัมแซททำเพื่อมายืนถึงจุดนี้ก็เป็นวิธีการที่เข้าใจได้ หากพูดในมุมมองของธุรกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องการต่อสู้นั้น ทางจอร์ฟมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่นักสู้คนนี้จะมาอยู่ลำดับสูง จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ                เมื่อจอร์ฟ เนลได้พูดถึงเรื่องรุ่นน้ำหนักของตัวเองนั้น ตัวเขาก็มองว่าทางคัมแซทเพิ่งจะมีโอกาสได้สู้ในรุ่นเวลเทอร์เวทเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าตัวกลับมาอยู่ในอันดับสามของตารางได้มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และตัวเขาไม่สมควรได้รับมัน เพราะส่วนตัวนั้นตัวเขาควรได้รับความนิยมตามที่ตัวเองต้องการเท่านั้น นอกจากการพูดถึงนักสู้ในรุ่นเดียวกันแล้วนั้น ทางจอร์ฟก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนิสัยตัวเองที่รู้สึกรักศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ได้มาสู่ในยูเอฟซีเพื่อเงินแต่อย่างใด เพราะตัวเขาต้องการจารึกชื่อของเขาไว้ในวงการมากกว่า                อาจเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเช่นกัน หากทางจอร์ฟ เนลนั้นอาจตกอันดับไปแล้วมีทางคัมแซท ชีเมฟมาแทนที่เขา ทั้งที่ประสบการณ์และจำนวนไฟท์ต่างกัน แม้ว่าทุกอย่างบนโลกจะเป็นเรื่องของธุรกิจก็ตาม แต่หากใช้ความนิยมในการเลือกคู่ต่อสู้กัน ทางสมาคมก็อาจกลายเป็นมวยโชว์ไปได้ในอนาคตเช่นกัน ติดตามข่าวกีฬาอื่น ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
ยูเอฟซี

ยูเอฟซี ที่ตั้งข้อกำหนดการเดินทางของนักสู้มายังสนามเพื่อขึ้นชก

นับว่าเป็นการตั้งข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬาที่จะต้องเดินทางมายังสนามเพื่อขึ้นชกนั้นว่าสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อมาถึงเมืองลาสเวกัสแล้ว ซึ่งเหตุผลก็มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดจนทำให้นักสู้หลายคนอาจเสี่ยงจะเป็นพาหะนำโรคได้นั่นเอง โดยการเงื่อนไขนั้นทางสมาคมจะแจ้งว่าเหล่านักกีฬาผ่านอีเมลต่างๆ โดยที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ในชื่อว่า อเล็กซ์ สคาฟฟิดิได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดในจดหมายนี้อีกด้วย                ในข้อความที่สมาคม ยูเอฟซี ได้ชี้แจงไว้ได้บอกว่า เพื่อทำให้เกิดความั่นใจต่อการตรวจหาเชื้อที่สมาคมได้จัดไว้นั้น นักกีฬาและทีมงานทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านวิธีการใดๆ ยกเว้นการเดินทางที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้นับตั้งแต่ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนขึ้นชก ซึ่งรวมถึงยานพาหนะส่วนตัวของนักกีฬา ของคนรู้จักหรือจะเป็นบริการแชร์ไรดิ่งอย่างอูเบอร์กับลิฟท์อีกด้วย โดยนโยบายนี้จะถูกบังคับใช้กับนักกีฬากับทีมงานทุกคนที่อยู่ในเมืองลาสเวกัส รวมถึงคนที่อยู่ในเมืองอื่นใกล้เคียงที่เตรียมขึ้นชกภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนสู้จริงนั่นเอง เพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬา                นอกจากนี้ทางสมาคมยูเอฟซียังได้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า ทางทีมงานกับนักสู้ทุกคนนั้นยังไม่สามารถเดินทางออกจากโรงแรมที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้ หากไม่ได้รับการอนุญาตผ่านฝ่ายจัดรายการ ซึ่งรวมถึงหลังจากขึ้นชกไปแล้วอีกด้วย หากคนที่เดินทางออกไปนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าพักเลยทีเดียว โดยหากมีผู้เล่นคนไหนต้องการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ นั้นก็จะต้องติดต่อผ่านสมาคมก่อนเช่นกันเพื่อไม่ให้มีใครต้องบังเอิญไปติดเชื้อโควิดก่อนจะเข้ามาในค่ายโดยไม่คาดคิด                นับว่าสมาคมยูเอฟซีก็พยายามจะหาทางปลอดภัยที่สุดเพื่อจัดการแข่งขันต่อไป รวมถึงไม่เสี่ยงที่จะให้มีนักกีฬาติดเชื้อโควิดจนอาจส่งผลถึงแมตช์ต่างๆ ที่ประกาศออกไปแล้ว จนเรียกได้ว่านโยบายเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาถูกออกแบบมาอย่างดีแล้ว แม้ว่านักสู้บางคนจะออกมาวิจารณ์ว่า สมาคมอาจทำเกินไปและทำให้เหล่านักสู้ไม่สามารถไปที่ใดได้เลยนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาต่างประเทศอื่น ๆ และ ข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
คาลิล เราท์ทรี

คาลิล เราท์ทรี กับ มาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท

ถือเป็นแมตช์ประกอบรายการที่น่าดูไม่น้อย สำหรับการเจอกันของ คาลิล เราท์ทรี กับมาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท โดยพวกเขาจะได้เจอกันในรายการยูเอฟซี่ครั้งที่ 257 ในวันที่ 23 เดือนมกราคมปี 2021 ที่จะมีแมตช์การกลับมาของคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์มาเป็นคู่เอกประจำค่ำคืน แม้ว่าก่อนหน้านี้นั้นทางคาลิลจะเริ่มมีแผนเตรียมแขนมและลาสังเวียนไป แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจ เมื่อเขายังคงต้องการแก้มือจากไฟท์ระหว่างเจ้าตัวกับไอออน คูเคลาบาที่เขาเคยแพ้ไปตั้งแต่ปี 2019 นั่นเอง                ตามกำหนดการเดิมนั้นทาง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี แต่ทว่าการมาของไวรัสโควิดได้ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดรายการได้ตามปกติจนทำให้แผนการกลับมาของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนทำให้เขาต้องห่างจากสังเวียนไปนานกว่าเดิม โดยสถิติตลอดอาชีพของเขานั้นอยู่ในระดับกลางด้วยการชนะ 4 ครั้ง แพ้ 4 ครั้งพร้อมกับไม่มีการตัดสินอีกหนึ่งครั้ง พร้อมกับรอเจอคู่ต่อสู้ที่กำลังต้องการชัยชนะในสมาคมนี้เช่นกัน                ในส่วนคู่ต่อสู้ของเราท์ทรีนั้นคือมาร์ซิน พราชโอนี ซึ่งยังไม่เคยเอาชนะใครได้เลยในสมาคม นับตั้งแต่การเจอกับแซม อัลเวย์ มาโกเมด อันคาเลฟและไมค์ โรดิเกวซที่จบลงด้วยชัยชนะของคู่แข่งทั้งสาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวของพราชโอนีจะเคยครองสถิติไม่แพ้ใครเลยตลอดแปดไฟท์ในสมาคมอย่างวันแชมป์เปี้ยนชิพนั่นเอง ซึ่งคงเป็นโอกาสอันดีที่นักชกมวยในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทจะมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งผ่านสังเวียนยูเอฟซีครั้งที่ 257 นั่นเอง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี                นับว่าเป็นไฟท์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการเจอกันของคาลิล เราท์ทรีกับมาร์ซิน พราชโอนี่ที่ผ่านแรกก็เคยพ่ายแพ้มาจนต้องการจะกอบกู้ชื่อเสียงอีกครั้ง ส่วนอีกฝ่ายก็คือนักสู้ที่เคยมีผลงนแข็งแกร่งจนไร้พ่ายมาก่อน จนกระทั่งต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเขาดีพอจะสู้กับคนอื่นในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทนี้ได้เช่นกัน […]

Continue Reading
Seattle Mariners

Seattle Mariners ขยายสตรีคที่ชนะเป็น 12 เกมกับเรนเจอร์หลัง Julio Rodríguez แกรนด์สแลม

Seattle Mariners ขยายสตรีคที่ชนะเป็น 12 เกมติดต่อกันในคืนวันศุกร์ โดยเอาชนะเท็กซัส เรนเจอร์ส 8-3 (คะแนนกล่อง) ตอนนี้ Mariners อยู่ที่ 49-42 ในฤดูกาลนี้ทำให้พวกเขาเป็นผู้นำในครึ่งเกมเหนือโตรอนโตบลูเจย์สำหรับจุดไวด์การ์ดที่สองของ American League (ฤดูที่ขยายออกไปหมายความว่า Blue Jays จะมีคุณสมบัติสำหรับรอบตัดเชือกด้วยหากพวกเขาเริ่มในวันพรุ่งนี้) Seattle Mariners  Julio Rodríguez กลายเป็นนักสู้กะลาสีที่อายุน้อยที่สุดที่ตีแกรนด์สแลมตั้งแต่ Alex Rodriguez ในปี 1996Seattle Marinersควบคุมเกมส่วนใหญ่ของวันศุกร์ ซีแอตเทิลนำ 3-0 ในโอกาสที่สี่และต่อมาขยายเป็น 4-0 ในโอกาสที่ห้า ข่าวกีฬาต่างประเทศ เรนเจอร์สจะทำลายขอบนั้นด้วยการวิ่งกลับบ้านจาก Corey Seager (ทำให้เป็น 4-1) และ Leody Taveras (4-3) ในช่วงโอกาสต่อไป มันจะไม่สำคัญ ความรู้สึกมือใหม่ Julio Rodríguez ตี แกรนด์สแลม ครั้งแรกของเขาในอาชีพที่แปดทำให้ซีแอตเทิลขึ้น 8-3: Rodríguez […]

Continue Reading
เมนเทล-สปี

เมนเทล-สปี เสียชีวิตหลังต่อสู้กับโรคมะเร็งกว่า 20 ปี ด้วยความทรมาน

บิเบียน เมนเทล-สปี แชมป์สโนว์บอร์ดพาราลิมปิก 3 สมัยเสียชีวิตด้วยวัย 48 ปีหลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานกว่า 20 ปี ติดตามเรื่องราวของนักสู้หญิงคนนี้เพิ่มเติมได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ เธอได้รับรางวัลเหรียญทองที่ Sochi 2014 ซึ่งการเล่นพาราสโนว์บอร์ดได้เปิดตัวเกมก่อนที่จะได้รับสองตำแหน่งที่ Pyeongchang 2018 “พักผ่อนอย่างสงบที่บิเบียนแม่ที่รัก ลูกสาวที่รัก ” อ่านโพสต์จากครอบครัวของเธอในบัญชีอินสตาแกรมของเธอ “พวกเราจะไม่ลืมคุณ.” แอนดรูว์ พาร์สันส์ ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากลกล่าวว่า“ สิ่งที่ บิเบียน เมนเทล-สปี ทำเพื่อการเล่นกีฬาโดยทั่วไปนับประสาอะไรกับพาราสโนว์บอร์ดนั้นเป็นสิ่งที่วัดไม่ได้และคำพูดก็ไม่สามารถทำให้เธอหรือเธอได้รับความยุติธรรมได้ ทัศนคติเชิงบวกของเธอที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุดการให้กำลังใจและการสนับสนุนเยาวชนที่มีความพิการในการเล่นกีฬาและค่านิยมของเธอในขณะที่แข่งขันในระดับสูงสุดนั้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อและสร้างแรงบันดาลใจให้น่ากลัว นักสโนว์บอร์ดชาวดัตช์อยู่ในการแข่งขันในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาวปี 2002 แต่เลือกที่จะตัดขาขวาส่วนล่างของเธอหลังจากการกลับมาของเนื้องอกในกระดูกแข้งของเธอ หลังจากการวินิจฉัยเบื้องต้นเมื่ออายุ 27 ปีเธอได้รับการรักษามะเร็งอีก 15 ครั้งและอยู่ระหว่างการฉายรังสีเพื่อสร้างพาราลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 การผ่าตัดหลังเมื่อปลายปี 2019 ทำให้เธอไม่มีความรู้สึกในส่วนล่างของร่างกายและเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีการประกาศว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองส่วนปลาย นอกจากรางวัลพาราลิมปิก เมนเทล-สปี ยังได้รับรางวัลระดับโลกมากมายและเปิดตัวมูลนิธิ Mentelity เพื่อช่วยเหลือคนหนุ่มสาวที่มีปัญหาด้านสุขภาพร่างกายหรือจิตใจ เธอยังได้รับรางวัลระดับชาติและระดับนานาชาติมากมายรวมถึงอัศวินอันทรงเกียรติแห่งออเรนจ์ – นัสเซาในเนเธอร์แลนด์ในช่วงชีวิตของเธอ เธอเคยกล่าวว่า ความจริงที่ว่าฉันให้กำลังคนอื่นทำให้ฉันภูมิใจ เมนเทลเริ่มอาชีพการเล่นสโนว์บอร์ดในปี […]

Continue Reading
ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ

ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ที่เกือบต้องรีไทร์หายไปจากรายการยูเอฟซี

เรียกได้ว่ากีฬาศิลปะป้องกันตัวยังเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่เสมอ เมื่อทาง ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้อกมาเปิดเผยว่าที่ตัวเขาจะต้องห่างหายไปจากวงการนั้นก็เพราะว่าตัวเขาถูกทีมแพทย์สั่งให้หยุดขึ้นชกหากไม่ได้ต้องการเสียชีวิตไปก่อนนั่นเอง ซึ่งจากเดิมนั้นตัวเขาได้ไต่อันดับจนกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่เตรียมจะขึ้นชิงแชมป์เวลเทอเวทของสมาคมยูเอฟซีแล้ว แต่ทว่าสองปีหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่กลับมาสู่สังเวียนอีกเลย อีกทั้งตัวเขาอาจจะต้องจบอาชีพตัวเองไปแล้วเช่นกัน                ด้วยการที่ ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้หายไปจากรายการยูเอฟซีอย่างยาวนานนั่นเอง เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าตัวเขาอาจไม่มีโอกาสได้ขึ้นสู่สังเวียนอีกต่อไปจากคำสั่งแพทย์ โดยเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริงๆ เมื่อตอนที่ผู้คนไม่รู้ความจริงนั้น เขาก็ไม่ต้องการรู้จริงๆ แต่เมื่อมีบางเรื่องได้เกิดขึ้นมาแล้วนั้น มันกลายเป็นเรื่องที่แปลกไปหมดเลย อีกทั้งตัวเขาไม่ต้องการจะพูถึงเรื่องนี้มากนักเพราะมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับตัวเขาพอสมควรเลยทีเดียว ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้หายไปจากรายการยูเอฟซีอย่างยาวนาน                สิ่งที่เกิดขึ้นกับทางซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอก็คือ ตัวเขาเกิดติดเชื้อขึ้นมาในร่างกาย ก่อนที่จะลามไปยังกระแสเลือดของเขา ซึ่งมันจะเป็นแบคทีเรียที่แฝงตัวอยู่ในน้ำหรืออาจจะติดมาจากพืชพันธุ์ต่างๆ ที่ได้อยู่ในร่างกายของเขาจนตัวเองจะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึงแปดวันด้วยกัน เมื่อตัวเขารักษาหายครั้งแรกแล้วนั้น เจ้าตัวก็เกิดน้ำหนักลดไปหลายปอนด์ อีกทั้งยังมีไข้ขึ้นสูงจนทำให้ตัวเขาต้องกลับไปยังโรงพยาบาลเช่นเดิม แต่ทว่าสภาพร่างกายของเขานั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าจะพยายามฝึกอย่างหนักแล้วก็ตาม                เมื่อทางซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอได้กลับไปตรวจร่างกายอีกครั้งหนึ่งแล้วนั้น เจ้าตัวก็ต้องพบกับข่าวร้ายว่าตัวเขาไม่สามารถขึ้นชกมวยได้อีกแล้ว เมื่อเขาเกิดติดเชื้อที่กระดูกจนทำให้ร่างกายของเขาไม่ปกติ ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาใหม่ตั้งแต่ต้นพร้อมเตรียมกลับมาฝึกอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานจนกว่าตัวเขากลับมาสู่ยูเอฟซีได้นั่นเอง ติดตามกีฬาอีกมากมายหลายประเภทได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จอห์น แมคคาธี

จอห์น แมคคาธี ผู้ออกมาวิจารณ์ดาน่า ไวท์ จากสมาคมยูเอฟซี

กลายเป็นเรื่องดุเดือดพอสมควร เมื่อทาง จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคมเบลลาทอร์ที่ออกมาพูดถึงประธานสมาคมยูเอฟซีอย่างดาน่า ไวท์ว่าเป็นพวกกลับกลอกในวงการ เมื่อตัวของไวท์เองกลับออกมาพูดถึงสมาคมของตัวเองว่าเป็นทีมงานสำคัญที่ทำให้วงการนักต่อสู้ยังมีต่อไปได้หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่ท่าในวิดีโอที่ทางดาน่าปล่อยออกมากลับดูเหมือนว่าตัวเขาจะยกย่องตัวเองมากจนเกินไป จนกระทั่งผู้บรรยายชื่อดังคนนี้ต้องออกมาวิจารณ์นั่นเอง                จากคำพูดของ จอห์น แมคคาธี ได้บอกว่า แม้ว่าจะมีชายคนหนึ่งที่คอยออกมาบอกว่าสื่อไม่ได้มีความสำคัญอะไรและแม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่สื่อเช่นเดียวกัน แต่ทว่าคนอย่างดาน่า ไวท์ก็เป็นคนที่ชอบออกมาวิจารณ์ถึงพาดหัวข่าวล่อเหยื่ออยู่เป็นประจำเช่นกัน แต่ทว่าสุดท้ายแล้วตัวดาน่าเองก็ใช้วิธีการแบบเดียวกันอยู่ดี จนไม่อาจจะแยกตัวเขาออกจากสื่อไปเช่นเดียวกัน โดยทางผู้บรรยายจากเบลลาทอร์เองเริ่มรู้สึกว่า ตัวของดาน่าควรละอายใจที่เคยพูดเรื่องนี้ออกไปและการเชิญชูตัวเองว่าเป็นเหมือนฮีโร่อีกด้วย จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคม                ด้วยความที่จอห์น แมคคาธีเองก็เคยเป็นนักสู้มาก่อน ตัวเขาก็ไม่ต้องการให้รายการยูเอฟซีต้องถูกยกเลิกไปในช่วงที่มาการระบาดออกมาใหม่ๆ แต่ทว่าสิ่งที่ดาน่า ไวท์ทำก็คือการเอาคนอื่นมาเสี่ยงเพื่อเงินให้กระเป๋าของตัวเองเท่านั้น อีกทั้งวิดีโอนำเสนอของเขานั้นเหมือนจะสื่อสารผิดพลาดไปเพราะตัวเขาไม่ได้ให้เครดิตกับใครเลยยกเว้นตัวเอง ซึ่งตามที่รายการในครั้งที่ 249 ได้ถูกเลื่อนไปถึงสองครั้งนั้น มันถือเป็นการเสียสละของเหล่าทีมงานกับนักกีฬามวยที่ยอมเสี่ยงเพื่อวงการตัวเองให้เดินไปต่อได้ในถึงปัจจุบัน                เรียกว่าประเด็ที่จอห์น แมคคาธีพยายามจะสื่อนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อวิดีโอจากยูเอฟซีได้ปล่อยออกมานั้นดูจะเข้าข้างทางประธานสมาคมอย่างดาน่า ไวท์มากเกินกว่านักสู้คนอื่นๆ ที่ควรได้รับเครดิตจากการมาต่อสู้หรือการเดินทาง รวมถึงการกักตัวต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาสามารถขึ้นสู้ได้นั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาอีกมากมายหลากหลายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
โจเซ่ อัลโด้

โจเซ่ อัลโด้ ผู้ออกมาท้าทายทีเจ ดิลลาชอร์ ในวงการศิลปะการต่อสู้

นับว่าทาง โจเซ่ อัลโด้ ได้ออกมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า ตัวเขายังเป็นนักสู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในวงการศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในรุ่นใดก็ตาม ซึ่งหลังจากที่ตัวเขาสามารถเอาชนะมาร์ล่อน ชิโต้ เวร่ามาได้แล้วนั้น เขาก็ได้ออกมาท้าทายต่อทีเจ ดิลลาชอร์ทันที เนื่องจากตัวเขายังคงต้องการชิงแชมป์โลกอีกสักครั้งหนึ่งอยู่นั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ทางโจเซ่ได้มีโอกาสเจอกับปีเตอร์ แยนมาแล้วในการชิงแชมป์รุ่นแบนตัมเวทแต่กลับแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย                ในคู่เอกร่วมรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 นั้นทาง โจเซ่ อัลโด้ สามารถสู้กับมาร์ล่อน ชิโต้ เวร่าได้จนครบ 3 ยก โดยตัวเขาสามารถออกอาวุธจากลูกเตะและเล่นงานที่ลำตัวได้มากกว่าจนสามารถเอาชนะคะแนนไปได้ด้วยสกอร์ 29 ต่อ 28 ไปอย่างเอกฉันท์ ซึ่งทำให้ไฟท์นี้ถือเป็นการชนะครั้งแรกในรุ่นน้ำหนัก 135 ปอนด์อีกด้วย โดยทางผู้ชนะได้แสดงความเห็นหลังจบไฟท์ไว้ว่า ตัวเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งมันสำคัญต่ออาชีพของเขาอย่างมากเลยทีเดียว โจเซ่ อัลโด้ สามารถสู้กับมาร์ล่อน ชิโต้ เวร่าได้จนครบ 3 ยก                ช่วงยกแรกนั้นทางโจเซ่ อัลโด้ได้ถูกทางชิโต้ เวร่าพยายามเล่นเล่นงานเร็วก่อน แต่ทว่าเชิงของโจเซ่ยังดีอยู่ ก่อนที่จะสามารถเล่นงานที่กลางลำตัวได้จบครบยกที่หนึ่ง เมื่อทางเวร่าพยาพยามจับจุดการต่อสู้กับฝ่ายแรกในช่วงยกต่อมาได้แล้วก็ตาม แต่ทว่าการโจมตีของโจเซ่ก็ทำให้ทางตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้ รวมถึงยังมีการถูกล็อคตัวและเล่นงาน แม้ว่าจะยังไม่ได้ถูกน็อคก็ตาม ซึ่งก่อนหน้าจะขึ้นชกนี้ทางโจเซ่เองก็ได้ออกมยืนยันว่าตัวเขาจะต้องไต่อันดับเข้าไปชิงแชมป์ยูเอฟวีให้ได้ ซึ่งเป้าหมายคนต่อไปคือทางทีเจ […]

Continue Reading
ยูเอฟซีเวกัส

วันเดอร์บอย ธอมป์สัน ที่ปราบจอร์ฟ เนลไปได้ในรายการยูเอฟซีเวกัส

ดูเหมือนว่าคนที่น่าจับตามองที่สุดของรุ่นเวลเตอร์เวทคงจะหนีไม่พ้นทางสตีเฟ่น วันเดอร์บอย ธอมป์สัน ไปเสียแล้ว เมื่อเจ้าตัวสามารถเอาชนะจอร์ฟ เนลไปได้ในคู่เอกของรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 นั่นเอง ซึ่งทางอดีตผู้ท้าชิงคนนี้ได้กลับมาแสดงลงานแกร่งอีกครั้ง หลังจากที่สามารถไล่เล่นงานจากเนลได้ตลอดถึง 5 ยกและไม่มีทีท่าจะสามารถเอาคืนได้เลย ก่อนที่สุดท้านแล้วทางธอมป์สันจะสามารถเอาชนะคะแนนไปได้ในที่สุด                หลังจากที่ วันเดอร์บอย ธอมป์สัน สามารถทำแต้มชนะไปที่ 50 ต่อ 45 แล้วนั้นก็ทำให้ตัวเขาสามารถทำเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ถึง 2 ไฟท์ติดต่อกันไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาแสดงความเห็นของตัวเองว่า ตัวเขารู้สึกดีมากเพราะตัวเองต้องหยุดแข่งไปถึงหนึ่งปี เพราะเกิดมือหักทั้งสองข้างจากการต่อสู้ในรายการยูเอฟซี 244 ที่เกิดขึ้นในปี 2019 จนทำให้ตัวเขาได้พักการขึ้นชกไปนานที่สุดนับตั้งแต่อยู่ในวงการมา อีกทั้งยังดีใจมากเมื่อตัวเขาได้กลับมาสู่สังเวียนอีกครั้ง นอกจากนี้ตัวของจอร์ฟเองก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากอีกคนหนึ่งเช่นกัน วันเดอร์บอย ธอมป์สัน สามารถทำแต้มชนะไปที่ 50 ต่อ 45                 ด้วยผลงานของวันเดอร์บอยที่มีจุดเด่นในเรื่องการขยับเท้าทั้งสองที่รวดเร็วพร้อมกับกวาดแข้งเตะเล่นงานจอร์ฟ เนลได้ตลอดคู่เอกในคืนนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเดาทางการโจมตีของสตีเฟ่น แต่ทว่าเจ้าตัวกลับทำไม่สำเร็จ ซึ่งทุกครั้งที่เนลพยายามจะโจมตีเอาคืนนั้น ทางธอมป์สันก็มักจะหลบหรือหาทางป้องกันได้เสมอ จนกระทั่งในยกสองที่ธอมป์สันสามารถโจมตีและคอนโบเล่นงานทางเนลหมดทางจะเล่นงานคืนและต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไป                เรียกว่าฟอร์มที่แข็งแกร่งของสตีเฟ่นวันเดอร์บอย ธอมป์สันในคู่เอกนี้เองที่จะทำให้ตัวเขาสามารถกลับขึ้นไปตีอันดับเพื่อขึ้นชกมวยกับนักสู้คนอื่นๆ ในรุ่นได้ โดยเจ้าตัวพยายามท้าทายจอร์จ มาสวิดัลที่ตัวเองเคยแพ้อย่างหมดรูปมาก่อนในปี 2017 ซึ่งตัวเขาต้องการจะประกาศว่าปี […]

Continue Reading
มาร์ลอน โมเรส

มาร์ลอน โมเรส ที่ต้องการท้าทายตัวเองมากกว่าอยู่เฉย ๆ ในการขึ้นชก

อาจเป็นเพราะทาง มาร์ลอน โมเรส ได้ขึ้นชกกับนักสู้ในรุ่นแบนตัมเวทมาตลอดสามปีนับตั้งแต่ปี 2017 ที่ตัวเขาได้เข้ามาสู้ในสมาคมยูเอฟซี ซึ่งเขาได้มองว่าการต่อสู้ครั้งที่เก้าในสมาคมนี้น่าจะช่วยให้เขาเจอกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอาชีพเขาเลยทีเดียว โดยย้อนไปในอดีตนั้นทางมาร์ลอนได้เจอกับแชมป์ของรุ่นมาก่อนแล้ว แต่ทว่าเขากลับแพ้ไป ก่อนที่จะกลับมามีโอกาสได้สู้กันนักชกคนอื่นพร้อมกับเอาชนะมาได้แล้ว แต่ทว่ายังไม่มีโอกาสกลับไปแก้มืออีกครั้งเลยนับตั้งแต่นั้น                ในการที่ มาร์ลอน โมเรส ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ดับเบิ้ลเอสโอเอฟได้ท้าชิงแชมป์เจอกับเฮนรี่ เซจูโด้ในปี 2019 แต่ทว่าเจ้าตัวกลับแพ้ไป ก่อนที่ต่อมาจะได้สู้กับโจเซ่ อัลโด้และสามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ทว่าทางอัลโด้กลับมีโอกาสได้ขึ้นไปท้าชิงแชมป์แทนเขาในช่วงปลายปี จนกระทั่งตัวเขาต้องพักการชกไปอย่างยาวนานด้วยภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งเจ้าตัวต้องรอจนถึงเดือนตุลาคมที่จะกลับมาสู่สังเวียนอีกครั้ง แต่กลับต้องแพ้น็อคเอาท์ให้กับคอรี่ แซนด์ฮาเกน มาร์ลอน โมเรส ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ดับเบิ้ลเอสโอเอฟได้ท้าชิงแชมป์เจอกับเฮนรี่ เซจู                เมื่อมาร์ลอน โมเรสหรือฉายาเมจิกกำลังต้องการชัยชนะจากรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 และมีคิวต้องเจอกับร็อบ ฟอนต์ พร้อมยอมรับว่าตัวเขามีความกดดันที่จะต้องขึ้นชกในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมาร์ลอนยังท้าทายตัวเองอยู่ตลอดและมาที่นี่เพื่อชัยชนะอีกด้วย โดยตัวเขากระหายชัยชนะอย่างมาก หลังจากที่ไฟท์ล่าสุดต้องแพ้มาได้ทำให้เขายิ่งต้องการจะสู้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ต้องพยายามท้าทายตัวเองให้เป็นคนที่เก่งกว่าเดิมในทุกๆ วัน หากตัวเขาต้องแพ้ไปในไฟท์ที่แล้ว แต่ไฟท์ข้างหน้าเขาหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น                แม้ว่าทางมาร์ลอน โมเรสจะมีความพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะในไฟท์ที่เจอกับร็อบ ฟอนต์ในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 แต่ทว่าสุด้ทายเจ้าตัวก็ต้องแพ้ให้กับคู่ชกมวยไปตั้งแต่ยกแรก หลังจากที่โดนอัพเปอร์คัทเข้าไป ก่อนที่จะร่วงไปพร้อมกับโดนซ้ำจนกรรมการต้องมายุติการชกทันที ติดตามเรื่องราวของกีฬาอีกมากมายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading