ไซม่อน โกเลคกี

ไซม่อน โกเลคกี ที่เตรียมจะขึ้นชกในรายการเคเอสดับเบิ้ลยู

น่าจะเป็นโอกาสอันดีของทาง ไซม่อน โกเลคกี ที่จะได้ขึ้นชกในรายการเคเอสดับเบิ้ลยูครั้งที่ 58 ในช่วงวันที่ 30 มกราคมปี 2021 ซึ่งจะเป็นคู่เอกร่วมกับการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทอีกด้วย โดยทางไซม่อนเคยเป็นถึงแชมป์โลกยกน้ำหนักมาก่อน รวมถึงเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วเช่นกัน ซึ่งการขึ้นชกของเขาครั้งนี้จะได้เจอกับมาร์ติน ซาวาดาที่จะสู้กันในประเทศโปแลนด์จากการยืนยันของเจ้าหน้าที่ในสมาคมชื่อดังจากโปแลนด์และทวีปยุโรปอีกด้วย                ด้าน ไซม่อน โกเลคกี เองนั้นได้เริ่มขึ้นสู่วงการนักสู้ศิลปะป้องกันตัวนับตั้งแต่ตัวเขาได้ประกาศลาออกจากวงการยกน้ำหนักที่ตัวเขาเคยคว้าแชมป์โลกมาก่อน ซึ่งการเปลี่ยนมาเป็นนักสู้แล้วนั้นตัวเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งได้มากถึง 8 ครั้งและพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยการเอาชนะในสมาคมเคเอสดับเบิ้ลยูนั้นยังเป็นการจัดการคู่ต่อสู้ได้สองครั้งรวดผ่านการน็อคมาริอุส พัดเซียโนสกี อีกทั้งยังเอาชนะดาเมียน แจนิโคสกีได้อีกเช่นกันจากการขึ้นชกครั้งล่าสุดของทางไซม่อนกับวงการนี้ ไซม่อน โกเลคกี เองนั้นได้เริ่มขึ้นสู่วงการนักสู้ศิลปะป้องกันตัว                ซึ่งการชกครั้งต่อไปของทางไซม่อน โกเลคกีนั้นก็จะเป็นการเจอกับมาร์ติน ซาวาดาที่มีพี่ชายอย่างเดวิดที่ได้เซ็นสัญญากับทางยูเอฟซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังจะเป็นคู่เอกร่วมกับการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทของซาลาดีน พาร์เนสสีที่จะต้องป้องกันกับเดเนี่ยล ตอร์เรสนั่นเอง โดยสถิติไร้พ่ายของพาสเนสสีเองถือว่าเป็นหนึ่งในนักชกระดับสูงของทวีปยุโรปจากการเอาชระได้ 14 ไฟท์และเสมอเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาห้าครั้งรวดในสมาคมเดียวกัน ซึ่งสองครั้งล่าสุดเป้นการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทที่ตัวเองครองอยู่                นับว่าเป็นชีวิตที่สดใสไม่น้อยสำหรับทางไซม่อน โกเลคกีที่สามารถเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นนักยกน้ำหนักสู่นักชกศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเจ้าตัวได้กลายเป็นคู่เอกร่วมในสมาคมเคเอสดับเบิ้ลยูที่นับว่าเป็นค่ายใหญ่ในทวีปยุโรป รวมถึงชัยชนะครั้งหน้าของเขาอาจจะมีโอกาสทำให้เจ้าตัวได้ชิงแชมป์หรือเป็นคู่เอกในอนาคตนั่นเอง ติดตามกีฬาต่าง ๆ มากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
อัลวาเรส

อัลวาเรส สามารถเอาชนะคัลลัม สมิธไปได้ในการชิงแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวท

กลายเป็นคนที่โชว์ฟอร์มเก่งในตอนสุดท้ายไปได้ เมื่อทางเซา คาเนโล อัลวาเรส สามารถเอาชนะคัลลัม สมิธไปได้ในการชิงแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทประจำสมาคมดับเบิ้ลยูบีเอและสามารถคว้าแชมป์โลกไปได้ในที่สุด โดยทางนักชาชาวเม็กซิกันนั้นต้องปะทะฝีมือกับนักมวยชาวอังกฤษไปจนครบ 12 ยกและสามารถออกอาวุธได้มากกว่า ส่วนทางสมิธนั้นกลับไม่ได้สามารถทำอะไรตัวของคาเนโล่ได้เลย จนกระทั่งต้องมาตัดสินใจด้วยคะแนนจากกรรมการ ก่อนที่จะเป็นนักชกรุ่นพี่ที่สามารถทำได้ดีกว่านั่นเอง                หลังจากที่เซา คาเนโล่ อัลวาเรส สามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 119 ต่อ 109 จากกรรมการสองท่านกับ 117 ต่อ 111 จนทำให้ตัวเขาเอาชนะไปได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์ ซึ่งตัวนักชกคนนี้เองถือว่ามีสถิติการสู้ที่ดีมาก เมื่อพวกเขาได้พบเจอกับความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวตลอด 57 ไฟท์ ซึ่งทำให้เขาสามารถคว้าแชมป์จากสมาคมดับเบิ้ลยูบีเอกับดับเบิ้ลยูบีซีในรุ่นซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทหรือน้ำหนัก 168 ปอนด์ โดยทางอดีตแชมป์อย่างคัลลัม สมิธก็ออกมายอมรับคู่ต่อสู้ของเขาว่าทำได้ดีกว่า รวมถึงการชกที่ฉลาดของเขาจนทำให้ตัวสมิธเองไม่มีข้ออ้างใดๆ เลย อัลวาเรส สามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 119 ต่อ 109                แม้ว่าทางคัลลัม สมิธจะมีข้อได้เปรียบเมื่อต้องขึ้นชกกับคาเนโล่อัลวาเรสด้วยความสูงของเขาที่มากกว่า รวมถึงช่วงชกอีกด้วย แต่ทว่าการชกของนักมวยชาวเม็กซิกันนั้นได้ใช้การยืนและการเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์มากกว่าจนทำให้ทางสมิธไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนกระทั่งทางพี่เลี้ยงของเจ้าของตำแหน่งต้องคอยกระตุ้นลูกทีมของเขา แต่ทว่าทางคาเนโล่ก็ยังสามารถแสดงผลงานของตัวเองได้ดีกว่าในยก 7 ที่เขาสามารถชกกลางลำตัวกับอัพเปอร์คัทได้อีกด้วย                หลังจากที่คาเนโล่อัลวาเรสสามารถคว้าแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทนั้นทำให้เจ้าตัวได้รักษาสถิติด้วยการพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวตลอดอาชีพของตัวเขาในช่วงเวลานานถึง 15 ปีเลยทีเดียว  ซึ่งจากผลงานของเจ้าตัวแล้วนั้นดูเหมือนว่าตัวเขายังมีความกระหายที่จะเอาชนะและคว้าความสำเร็จอยู่จนถึงปัจจุบัน […]

Continue Reading
วันเดอร์บอย

วันเดอร์บอย ธอมป์สันที่ผิดหวังกับทิศทางของวงการสมาคมยูเอฟซี

เป็นความเห็นที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับทางสตีเฟ่น วันเดอร์บอย ธอมป์สันที่ออกมาพูดถึงระบบการจัดการของสมาคมยูเอฟซี เรื่องการจัดลำดับของนักสู้ในแต่รุ่น ซึ่งตัวเขามองว่าทุกวันนี้ทางทีมงานเน้นเรื่องความนิยมกับกระแสของสังคมมากเกินไปจนทำให้นักสู้ที่มีฝีมือบางคนไม่ได้รับโอกาสนั้น โดยที่เจ้าตัวนั้นก็เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างวินเซนต์ ลูเก้ได้ในไฟท์ล่าสุดและเคยคิดไว้ว่าจะทำอันดับขึ้นไปเจอกับคนที่อยู่อันดับสูงกว่าในรุ่นเวลเตอร์เวท แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น                หลังจากที่ทาง วันเดอร์บอย ธอมป์สันได้เห็นโพสต์ของนักสู้ลำดับที่สามอย่างลีออน เอ็ดเวิร์ดต้องการเจอกับนักสู้ที่อยู่ลำดับสูงนั้น ตัวเขาก็เริ่มคิดว่าอาจเป็นอากาสอันดีที่ทั้งสองจะมีโอกาสสู้กัน แต่ทว่าคำตอบของเอ็ดเวิร์ดนั้นกลับทำให้ขึงกับสับสนเลยทีเดียว เมื่อทางลีออนบอกว่าเขาไม่ได้อยากสู้ด้วย ก่อนที่ทางเอ็ดเวิร์ดเองจะโดนตัดชื่อออกจากการจัดลำดับและก็กลับมาอีกครั้ง รวมถึงตอนนี้เขาจะได้สู้กับคัมแซท ชิเมฟแต่ทว่ากลับมีคนติดเชื้อโควิดจนทำให้เรื่องราวกลับวุ่นวายไปหมด วันเดอร์บอย ธอมป์สันได้เห็นโพสต์ของนักสู้ลำดับที่สามอย่างลีออน เอ็ดเวิร์ด                สิ่งที่ทำให้วันเดอร์บอยไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงไม่ยอมสู้กับเขาและเลือกจะไปใช้สังคมออนไลน์เพื่อบ่นว่า ไม่มีใครในแรงค์ที่ต้องการเจอกับเขา ทั้งทีทางธอมป์สันที่อยู่ในลำดับห้าได้ท้าเจอไปแล้ว แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ ก่อนที่จะเกิดไฟท์กับคัมแซทขึ้น เพียงเพราะว่าทางสมาคมต้องการจะเจาะตลาดที่คาบิบทำเอาไว้ก่อนจะแขวนนวมไป จนดูเหมือนว่ายูเอฟซีต้องการแค่ความนิยมของฐานคนดูมากกว่าจะจัดไฟท์ผ่านความสามารถของนักสู้แต่ละคนไปเสียอย่างนั้น                เข้าใจได้ว่าทางสตีเฟ่นวันเดอร์บอยธอมป์สันคงหัวเสียไม่น้อยที่สุดท้ายเหล่านักมวยก็ทำเพื่อความนิยมหรือชื่อเสียงมากกว่าจะต่อสู้และคัดเลือกผ่านฝีมือของตัวเอง ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคัมแซทแต่ทว่ายังมีนักสู้มากที่สมควรได้รับโอกาสมากกว่านี้นั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาต่าง ๆ มากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
มิเชล พิเรร่า

มิเชล พิเรร่า ที่ไม่ได้สู้กับแอนโธนี่ เพททิสในรายการยูเอฟซีเวกัส

กลายเป็นความผิดหวังของ มิเชล พิเรร่า ไปเสียอย่างนั้น แม้ว่าตัวเขาจะมีโอกาสได้ขึ้นชกในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 ก็ตาม ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ได้คิดว่าจะเจอกับคาโอส วิลเลี่ยมส์ แต่เป็นทางแอนโธนี่ เพททิสมากกว่า ซึ่งชื่อของฝ่ายหลังเคยเป็นถึงอดีตแชมป์ไลท์เวทมาก่อน แม้สุดท้ายแล้วเจ้าของฉายาโชว์ไทม์จะปฏิเสธไฟท์นี้ไป ก่อนที่จะมีคิวขึ้นชกในรายการเดียวกันเพื่อเจอกับอเลกซ์ โมโรโนแทน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบอกว่ามีอาการบาดเจ็บก็ตาม                ในการสัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์เอ็มเอ็มเอไฟท์ติ้งนั้นทาง มิเชล พิเรร่า ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวนี้ว่า ตัวเขาผิดหวังกับทางแอนโธนี่ เพททิสอย่างมากเพราะทางฝ่ายนั้นได้บอกว่าตัวเองมีอาการบาดเจ็บที่หลังจนมสามารถขึ้นชกได้ ซึ่งตอนแรกมิเชลก็เข้าใจดี แต่ทว่าตอนนี้เพททิสกลับมีชื่ออยู่ในการขึ้นชกวันเดียวกลับเขาเสียอย่างนั้น แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้สู้กันหรือเพียงเพราะทางเพททิสกลัวเขามากเกินไปหรือไม่ นอกจากนี้ตัวของมิเชลเองยังเกือบไม่ได้ขึ้นชกในเดือนธันวาคมเพราะว่าทางอีกฝ่ายให้คำตอบเขาช้าเกินไปอีกด้วย มิเชล พิเรร่า ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวนี้ว่า ตัวเขาผิดหวังกับทางแอนโธนี่ เพททิส                เมื่อทางทางแอนโธนี่ เพททิสไม่ยอมสู้กับเขา สิ่งที่มิเชล พิเรร่าคิดได้ก็คงมีเหตุผลเดียวเท่านั้นก็คือทางเพททิสกลัวที่จะเจอกับเขาและเลือกไปสู้กับคนอื่นแทน แล้วเขาก้รู้ดีกว่าในรุ่นไลท์เวทนี้มีคนมากมายที่กลัวในการชกมวยกับเขาแต่ทว่าตัวเขาเองก็จำเป็นจะต้องจัดการทุกคนที่ขวางหน้าเพื่อขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดเช่นกัน แต่ทว่าทางเพททิสเองก็ออกมาชี้แจงว่า ตัวเขามีแผนจะสู้กับคนอื่นในช่วงวันที่ 12 ธันวาคม แต่ทว่าเอ็ดเวิร์ดเกิดติดโควิดไปเสียก่อน จนทำให้เขาว่างมาสู้แล้ว แต่ในรายชื่อของนักสู้ทั้งห้าคนที่ดาน่า ไวท์เลือกมาไม่ได้มิเชลแล้ว เนื่องจากตัวเขามีไฟท์ในยูเอฟซีเวกัสไปก่อนแล้วนั่นเอง                แม้ว่าทั้งสองคนจะยังไม่ได้สู้กันก็ตาม แต่ชื่อของมิเชล พิเรร่ากับแอนโธนี่ เพททิสก็ยังอยู่ในรุ่นน้ำหนักเดียวกัน ซึ่งการชนะของทั้งคู่ในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 นั้นอาจพาให้สองฝ่ายเลิกปะทะคารมแล้วไปสู้กันบนเวทีแทนในอนาคตได้เช่นกัน […]

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่คิดว่าตัวเองถูกโกงในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256

เรียกได้ว่าเป็นเหยื่อของการทำผิดกติกาก็ว่าได้ เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ หลังจากจบไฟท์กับเซอริล เกนในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256 หลังจากที่อดีตแชมปืโลกเฮฟวี่เวทคนนี้ต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่สี่ติดต่อกันภายในระยะเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น แต่ทว่าครั้งล่าสุดกลับเป็นประเด็นที่ทำให้เขาต้องการออกมาชี้แจงเพราะการฟันศอกของเกนไปที่ท้ายทอยของเขาได้ทำตัวกรรมการต้องสั่งยุติการชกทันที รวมถึงประเด็นที่ตัวเขาอาจต้องรีไทร์ในวัย 36 ปีอีกด้วย                เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้พูดถึงไฟท์ที่ผ่านมานั้น ตัวเขาก็มองว่าตัวเองพลาดที่ไม่สมารถสู้ได้อย่างที่หวัง เพราะตัวเองมีความกดดันมากเกินไปจากเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งตัวเขาไม่ได้รู้สึกดุดันหรือบ้าเลือดมากเหมือนกับแต่ก่อน จนกระทั่งตัวเขาต้อมาเสียเปรียบในไฟท์นี้เข้าจนได้ โดยตัวเขาได้คิดไว้ก่อนแล้วว่าไฟท์ที่เจอกับเซอริล เกนจะต้องออกมาแบบนี้เนื่องจากรูปร่างของคู่แข่งและการโมตีที่เหมือนกับคนอื่นในรุ่น แต่ตัวเขากลับเปิดช่องว่างเองเสียอย่างนั้น การเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของ จูเนียร์ ดอสซานโตส กลายเป็นเรื่องโชคร้าย                แต่ประเด็นสำคัญของไฟท์ระหว่างดอสซานโตสกับเกลนั้นคือจังหวะฟันศอกที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องผิดกติกา แต่ทว่ากรรมการไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเจ้าตัวก็มองว่าทางเกนต้องการจะเล่นงานเขาด้วยหมัดปกติและมักกระแทกเข้าที่หูของเขา วึ่งมันไม่ได้ผิดกติกา แต่ทว่าท่อนแขนกับข้อศอกของเกลนั้นกระแทกกับท้ายทอยของเขาเต็มๆ จนทำให้เขาหมดสติไปไม่กี่วินาที แต่ทว่าตอนเขาได้สติกลับมาแล้วนั้น ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ก่นอที่เขาจะได้มาดูภาพย้อนหลังว่า ตัวเองได้ถูกเล่นงานเข้าที่ศีรษะจริงๆ ซึ่งตัวเขาไม่ได้พยายามหันหลังให้แต่อย่างใด แต่ตัวเขายืนในท่านั้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วอีกด้วย                นับว่าการเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของจูเนียร์ ดอสซานโตสกลายเป็นเรื่องโชคร้ายที่โดนท่าฟันศอกที่ปิดกติกาไปเสียอย่างนั้น โดยที่ตัวเขาก็พยายามยื่นเรื่องแจ้งเพื่อเปลี่ยนคำตัดสินใจไฟท์นี้ ส่วนอนาคตของเขากับยูเอฟซีนั้นก็เป็นเรื่องของดาน่า ไวท์ที่อาจจะยกเลิกสัญญาเมือ่ไหร่ก็ได้ แต่ตัวเขาจะยังไม่เลิกชกมวยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ติดตามเรื่องราวกีฬามากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
คริสโตส เกียกอส

คริสโตส เกียกอส ที่เตรียมขึ้นชกในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17

กลายเป็นคนที่มีโอกาสได้ขึ้นสังเวียนไปเสียอย่างนั้น เมื่อทาง คริสโตส เกียกอส เตรียมจะต้องสู้กับคาร์ตัน ไมนัสในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 ช่วงก่อนสิ้นปีนี้ โดยจากเดิมนั้นทางไมนัสจะต้องเจอกับริค เกลนน์ แต่ทว่าเจ้าตัวได้ติดเชื้อโควิดไปก่อนและต้องถอนตัวไปในช่วงวันที่ 16 ธันวาคมเท่านั้น อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการยกเลิกไฟท์ต่างๆ มากมายในรายการเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่ทว่าทางสมาคมไม่ได้มีแผนที่จะยกเลิกรายการทั้งหมดออกไปแต่อย่างใด                หลังจากที่มีการยืนยันผ่านทวิตเตอร์ของนักข่าวอย่างอัล ซูลลิโน่แล้วนั้นว่าริค เกลนน์ไม่สามารถมาขึ้นสังเวียนได้ทันอย่างแน่นอน ก็ทำให้ทางสมาคต้องเร่งหาตัวแทนของแมตช์นี้ ก่อนจะมาลงเอยที่นักสู้ชาวอเมริกันอย่าง คริสโตส เกียกอส ที่จะมาเป็นตัวแทนและมีเวลาฝึกซ้อมก่อนขึ้นชกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งไฟท์สุดท้ายที่เจ้าตัวได้แข่งขันให้กับสมาคมยูเอฟซีต้องย้อนไปในปี 2019 จากคู่ประกอบรายการใหญ่ที่คอร์เมียร์เจอกับมิโอซิคที่ตัวเขาเจอกับแดรกการ์ โคลสและต้องแพ้ไปด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ คริสโตส เกียกอส ได้รับส้มหล่นมาโดยบังเอิญ จากเดิมที่ตัวเขามีอาการบาดเจ็บ                ด้วยสถิติในสมาคมยูเอฟซีที่ 3 ต่อ 4 ทำให้ทางคริสโตส เกียกอสต้องการจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ซึ่งจากเดิมในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้นตัวเขาก็มีแผนที่จะขึ้นชกกับอลัน แพททริค แต่ทว่าเจ้าตัวเกิดได้รับอาการบาดเจ็บก่อนจนไม่สามารถขึ้นชกได้ ส่วนทางด้านชัยชนะครั้งสุดท้ายของเขานั้นก็เกิดขึ้นจากการเอาชนะคะแนนแบบเป็นเอกฉันท์ต่อแมทธิว เซเมลสเบกเกอร์ในการเปิดตัวของเขากับสมาคมคมนั่นเอง ซึ่งในรายการยูเอฟซีเวกัสนี้จะเป็นโอกาสครั้งใหม่ของเขาเช่นกัน                นับว่าทางคริสโตส เกียกอสได้รับส้มหล่นมาโดยบังเอิญ จากเดิมที่ตัวเขามีอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถขึ้นชกในช่วงกลางปีมาได้ จนเกือบจะจบปีด้วยการร้างสังเวียนมวย แต่ทว่าทางริค เกลนน์กลับได้รับอาการบาดเจ็บเสียก่อนจนทำให้รายการยูเอฟซีเวกัสมีที่ว่างพอจะทำให้เขาได้ขึ้นสังเวียนไปเจอกับคาร์ตัน ไมนัสนั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จอร์ฟ เนล

จอร์ฟ เนล ที่ไม่สนเรื่องกระแสของ คัมแซท ชีเมฟ นักสู้ดาวรุ่ง

แม้ว่าทางรุ่นเวลเทอร์เวทจะมีเรื่องมากมายเป็นกระแสก็ตาม แต่ทว่าทาง จอร์ฟ เนล ที่มีไฟท์ต้องเจอกับสตีเฟ่น ธอมป์สันนั้นไม่ได้มีสนใจว่าข่าวคราวในวงการจะเป็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องของคัมแซท ชีเมฟที่เป็นนักสู้ดาวรุ่งและมีสถิติชนะสองไฟท์เท่านั้น แต่กลับได้ขึ้นชกเป็นคู่ใหญ่จนทางธอมป์สันต้องออกมาพูดถึงกระแสนี้ว่าตัวเขาไม่เข้าใจเลย ส่วนทางจอร์ฟนั้นก็มองว่าสิ่งที่คัมแวททำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทว่านักสู้คนนั้นก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอเช่นกัน                การที่ จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ กับนักชกในรุ่นเดียวกันอย่างคัมแซท ชีเมฟที่เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ถึงสองไฟท์ในระยะเวลาเพียง 10 วันก็ตาม ซึ่งตัวเขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเลย แต่ตัวเขาก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นกัน เพราะยูเอฟซีก็เป็นธุรกิจหนึ่ง  แล้วสิ่งที่คัมแซททำเพื่อมายืนถึงจุดนี้ก็เป็นวิธีการที่เข้าใจได้ หากพูดในมุมมองของธุรกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องการต่อสู้นั้น ทางจอร์ฟมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่นักสู้คนนี้จะมาอยู่ลำดับสูง จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ                เมื่อจอร์ฟ เนลได้พูดถึงเรื่องรุ่นน้ำหนักของตัวเองนั้น ตัวเขาก็มองว่าทางคัมแซทเพิ่งจะมีโอกาสได้สู้ในรุ่นเวลเทอร์เวทเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าตัวกลับมาอยู่ในอันดับสามของตารางได้มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และตัวเขาไม่สมควรได้รับมัน เพราะส่วนตัวนั้นตัวเขาควรได้รับความนิยมตามที่ตัวเองต้องการเท่านั้น นอกจากการพูดถึงนักสู้ในรุ่นเดียวกันแล้วนั้น ทางจอร์ฟก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนิสัยตัวเองที่รู้สึกรักศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ได้มาสู่ในยูเอฟซีเพื่อเงินแต่อย่างใด เพราะตัวเขาต้องการจารึกชื่อของเขาไว้ในวงการมากกว่า                อาจเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเช่นกัน หากทางจอร์ฟ เนลนั้นอาจตกอันดับไปแล้วมีทางคัมแซท ชีเมฟมาแทนที่เขา ทั้งที่ประสบการณ์และจำนวนไฟท์ต่างกัน แม้ว่าทุกอย่างบนโลกจะเป็นเรื่องของธุรกิจก็ตาม แต่หากใช้ความนิยมในการเลือกคู่ต่อสู้กัน ทางสมาคมก็อาจกลายเป็นมวยโชว์ไปได้ในอนาคตเช่นกัน ติดตามข่าวกีฬาอื่น ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
แบรนดอน โมเรโน่

แบรนดอน โมเรโน่ ที่กล่าวหาแชมป์ว่าใช้ข้ออ้างในการป่วยเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็นไฟท์ที่หลายคนยกให้ว่าดีที่สุดตลอดกาลของรุ่นก็ตาม แต่ทว่า แบรนดอน โมเรโน่ ได้ออกมาพูดถึงอาการป่วยของเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกฟลายเวทอย่างเดฟสัน ฟิเกวโด้ที่เจ้าตัวได้ออกมาพูดของขึ้นชกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นเหมือนข้ออ้างเท่านั้น ซึ่งตัวของแบรนดอนเองไม่ได้ชอบวิธีการเปิดเผยต่อสื่อแบบนั้น โดยทางเดฟสันมีอาการอาหารเป็นพิษก่อนขึ้นชกสองวันเท่านั้น ก่อนที่จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้งเพื่อที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ของตัวเองให้ได้ในรายการยูเอฟซี 256 นั่นเอง                ทาง แบรนดอน โมเรโน่ ได้พูดหลังจากจบไฟท์ของเขาไว้ว่า สิ่งที่ทางเดฟสัน ฟิเกวโด้ได้พูดไว้นั้นมันคือข้ออ้างเท่านั้น เพราะมันเป็นเรื่องปกติมากเลยทีเดียว โดยตัวเขานั้นเคยต้องขึ้นชกทั้งที่ยังป่วยมาแล้วถึงสองครั้งและเขาก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไปเพราะมันจะกลายเป็นข้ออ้างนั่นเอง รวมถึงตัวประธานสมาคมอย่างดาน่า ไวท์ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาบังคับให้เขาขึ้นชกอีกด้วยเพราะมันคือความรับผิดชอบของตัวเขาเองที่จะต้องขึ้นไปบนเวที อีกทั้งหากทางฟิเกวโด้ไม่ไหวจริงๆ ตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นชกเลยก็ได้เช่นกัน แบรนดอน โมเรโน่ ได้ออกมาพูดถึงอาการป่วยของเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกฟลายเวท                ตามสิ่งที่แบรนดอน โมเรโน่เข้าใจนั้น ตัวเขาคิดว่าทางแชมป์ฟลายเวทคงจะมีความรับผิดชอบที่จะต้องขึ้นไปบนเวทีเป็นคู่เอกนั้น โดยตัวเขาเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน นอกจากนี้ตัวของแบรนดอนยังมีอาการบาดเจ็บที่แขนด้วยเช่นกัน เพราะในยกที่หกนั้นตัวเขาเริ่มยกแขนซ้ายไม่ได้แล้ว ซึ่งตัวเขาพยายามจะฝืนเพื่อเข้าไปชกตามเดิม แต่ทว่าตัวเขากลับทำไม่ได้และจบด้วยความพ่ายแพ้ของเขา อีกทั้งผลตัดสินที่ตัวเขาแพ้ในยกห้าอีกด้วยและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นผลเสมอ พร้อมกับตัวเขาที่อดคว้าแชมป์หลายเวทมานั่นเอง                นับว่าทางแบรนดอน โมเรโน่ก็มีความคิดเห็นที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการขึ้นชกมวยครั้งนี้ แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ฟลายเวทได้อย่างที่ต้องการ แต่ทว่าในอนาคตนั้นตัวเขาก็น่าจะมีโอกาสแก้มือกับเดฟสัน ฟิเกวโด้อีกครั้งอย่างแน่นอน หลังจากที่ไฟท์ของทั้งคู่ได้รับการยกย่องให้เป็นการชกที่ดีที่สุดนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬามากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
ยูเอฟซี

ยูเอฟซี ที่ตั้งข้อกำหนดการเดินทางของนักสู้มายังสนามเพื่อขึ้นชก

นับว่าเป็นการตั้งข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬาที่จะต้องเดินทางมายังสนามเพื่อขึ้นชกนั้นว่าสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อมาถึงเมืองลาสเวกัสแล้ว ซึ่งเหตุผลก็มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดจนทำให้นักสู้หลายคนอาจเสี่ยงจะเป็นพาหะนำโรคได้นั่นเอง โดยการเงื่อนไขนั้นทางสมาคมจะแจ้งว่าเหล่านักกีฬาผ่านอีเมลต่างๆ โดยที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ในชื่อว่า อเล็กซ์ สคาฟฟิดิได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดในจดหมายนี้อีกด้วย                ในข้อความที่สมาคม ยูเอฟซี ได้ชี้แจงไว้ได้บอกว่า เพื่อทำให้เกิดความั่นใจต่อการตรวจหาเชื้อที่สมาคมได้จัดไว้นั้น นักกีฬาและทีมงานทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านวิธีการใดๆ ยกเว้นการเดินทางที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้นับตั้งแต่ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนขึ้นชก ซึ่งรวมถึงยานพาหนะส่วนตัวของนักกีฬา ของคนรู้จักหรือจะเป็นบริการแชร์ไรดิ่งอย่างอูเบอร์กับลิฟท์อีกด้วย โดยนโยบายนี้จะถูกบังคับใช้กับนักกีฬากับทีมงานทุกคนที่อยู่ในเมืองลาสเวกัส รวมถึงคนที่อยู่ในเมืองอื่นใกล้เคียงที่เตรียมขึ้นชกภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนสู้จริงนั่นเอง เพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬา                นอกจากนี้ทางสมาคมยูเอฟซียังได้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า ทางทีมงานกับนักสู้ทุกคนนั้นยังไม่สามารถเดินทางออกจากโรงแรมที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้ หากไม่ได้รับการอนุญาตผ่านฝ่ายจัดรายการ ซึ่งรวมถึงหลังจากขึ้นชกไปแล้วอีกด้วย หากคนที่เดินทางออกไปนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าพักเลยทีเดียว โดยหากมีผู้เล่นคนไหนต้องการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ นั้นก็จะต้องติดต่อผ่านสมาคมก่อนเช่นกันเพื่อไม่ให้มีใครต้องบังเอิญไปติดเชื้อโควิดก่อนจะเข้ามาในค่ายโดยไม่คาดคิด                นับว่าสมาคมยูเอฟซีก็พยายามจะหาทางปลอดภัยที่สุดเพื่อจัดการแข่งขันต่อไป รวมถึงไม่เสี่ยงที่จะให้มีนักกีฬาติดเชื้อโควิดจนอาจส่งผลถึงแมตช์ต่างๆ ที่ประกาศออกไปแล้ว จนเรียกได้ว่านโยบายเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาถูกออกแบบมาอย่างดีแล้ว แม้ว่านักสู้บางคนจะออกมาวิจารณ์ว่า สมาคมอาจทำเกินไปและทำให้เหล่านักสู้ไม่สามารถไปที่ใดได้เลยนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาต่างประเทศอื่น ๆ และ ข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับสาเหตุที่ไม่ไปชกที่ยูเอฟซีแต่เลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน

ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดคาดไม่น้อย เมื่อทางนักชกอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองไม่ได้ต้องการไปขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวในสมาคมดังอย่างยูเอฟซีและเลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน ซึ่งอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิคนั้นได้รับการขนาดนามว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ จนตัวเองเลือกจะย้ายวงการมาสู้แบบศิลปะป้องกันตัวหรือเอ็มเอ็มเอแทน โดยเจ้าตัวมีเป้าหมายว่าจะเป็นสุดยอดนักกีฬาของทั้งสองวงการเลยทีเดียว                สิ่งที่ คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวนั้นจะเป็นลูกผสมระหว่างมวยปล้ำกับการโจมตีด้วยขาต่างๆ รวมถึงการจับทุ่ม ซึ่งตัวเธอนั้นก็เริ่มฝึกกับตำนานอย่างจอน โจนส์และฮอลลี่ โฮมส์อีกด้วย แม้ว่าตัวเธอจะยังคงใหม่กับวงการนี้ก็ตามและยังคงไม่มีแผนที่จะรีบเปิดตัวในการสู้ครั้งต่อไปของเธอด้วยการเจอกับนักแข่งที่เคยลงสนามมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงเลือกไปสู้กับพีเอฟแอลแทนยูเอฟซีทั้งที่รู้จักกับประธานอย่างดาน่าไวท์อีกด้วย คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชก                ตามการสนทนาระหว่างคลาเรสซ่า ชิลด์กับดาน่า ไวท์นั้น ทางนักชกได้บอกว่าตัวประธานคนนี้ต้องการจะให้เธอสู้ครั้งเดียวบนเวทีแปดเหลี่ยมของเขา โดยที่จะให้สู้กับยอดฝีมือที่มีน้ำหนักเท่าเธอนั่นเอง แต่ทว่าทางนักชกกลับมองว่าตัวเธอต้องการจะฝึกฝนกับอาชีพนี้ให้นานมากพอที่จะขึ้นชก พร้อมกับพัฒนาฝีมือต่อไป ซึ่งหากดาน่าเสนอให้เธอฝึกฝนเป็นเวลานานหรือสองปีนั้นคงจะดีกับตัวเองเธอเองมากกว่า ส่วนในทางพีเอฟแอลนั้นได้เสนอให้เธอได้สู้พร้อมกับพัฒนาตัวเองไปตลอดฤดูกาลที่ทำให้เธอสนใจเลือกทางนี้มากกว่านั่นเอง                เรียกว่าทางนักชกอย่างคลาเรสซ่า ชิลด์น่าจะยังคงมีอนาคตในวงการศิลปะป้องกันตัวอีกมาก เนื่องจากชื่อชั้นของเธอเองตั้งแต่เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นไปจนถึงการเป็นการเป็นนักมวยที่ดีที่สุดแบบปอนด์ต่อปอนด์ จนกระทั่งเลือกมาเส้นทางการชกอีกแบบหนึ่งที่มีทั้งสมาคมยูเอฟซีกับพีเอฟแอลอีกด้วย ติดตามข่าวกฬาต่าง ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading