คูแบรต ปูเลฟ

คูแบรต ปูเลฟ กับเป้าหมายที่จะแชมป์ไปเจอกับไทสัน ฟิวรี่

อาจเป็นผลที่พลิกล็อคก็ว่าได้ หากทาง คูแบรต ปูเลฟ สามารถเอาชนะแอนโธนี่ย์ โจชัวขึ้นมาได้จริงๆ จนกระชากแชมป์ทั้งสี่สถาบันของเจ้าตัวไปครอง แม้ว่านักชกจากประเทศบัลแกเรียจะมีอายุมากถึง 39 ปีแล้วก็ตามที นอกจากนี้เขายังมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นไปเจอกับนักชกรุ่นเฮฟวี่เวทชื่อดังอีกคนอย่างไทสัน ฟิวรี่อีกด้วย ซึ่งมันจะกลายเป็นการชิงแชมป์ทั้งสี่สถาบันเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยทางนักชกอย่างคูแบรตก็เคยแพ้มาแค่ครั้งเดียวจากตลอด 29 ไฟท์จากฝีมือของวลาดิเมียร์ คริทช์โก้ในปี 2014 หรือ 6 ปีก่อนนั่นเอง ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                จากความมุ่งมั่นนี้เองที่ทำให้ทาง คูแบรต ปูเลฟ ได้ออกมาพูดก่อนขึ้นชกไว้ว่า ตัวเขาเห็นข้อผิดพลาดมากมายจากแอนโธนีย์มาแล้ว และเขาเชื่อว่าข้อผิดพลาดเหล่านั้นยังอยู่ในตัวของแชมป์คนนี้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในไฟท์นี้ก็คือผลงานของตัวเองที่จะสามารถทำได้ดีแค่ไหน หากเขารักษาผลงานได้เขาก็จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เขารู้สึกแข็งแรงและทรงพลังานมากๆ  นี่ไม่ใช่การชกสำหรับเขาคนเดียว แต่มันคือผลงานของชาวบัลแกเรียทุกคนเพราะไม่เคยมีใครจากประเทศของเขาก้าวปึงระดับแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาก่อนอีกด้วย                นอกจากนี้ทางคูแบรต ปูเลฟก็ได้ออกมาพูดถึงเป้ามหายในอนาคตของเขาหลังจากจบไฟท์นี้ก็คือการขึ้นชกกับนักมวยคนดังอย่างไทสัน ฟิวรี่ เพราะเขาเชื่อเลยว่าไฟท์ที่ทุกคนรอคอยอย่างโจชัวร์เจอกับไทสันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากทางคูแบรตจะสามารถคว้าแชมป์ทั้งสามสถาบันอย่างดับเบิ้ลยูบีโอ ไอบีเอฟและดับเบิ้ลยูบีเอมาครองได้นั่นเอง รวมถึงบอกกับแฟนมวยทั่วโลกไว้ว่า พวกเขาต้องการแชมป์โลกคนใหม่ แชมป์โลกแบบตัวเขาคนนี้                นับว่าเป็นคำพูดที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับทางคูแบรต ปูเลฟที่ออกมาท้าทายและแสดงความมั่นใจก่อนจะขึ้นชิงแชมป์กับแอนโธนีย์ โจชัวร์ แม้ว่าจะต้องเจอกับคู่แข่งที่อายุน้อยกว่าก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าทั้งประสบการณ์และสถิติของนักชาวบัลแกเรียนี้ไม่ได้ด้อยกว่าเลย จนทำให้แนมวยอาจได้ชมการชกระหว่างเขากับไทสัน ฟิวรี่ในอนาคตได้เช่นกัน

Continue Reading
ทริปเปิ้ลเอช

ทริปเปิ้ลเอช กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา

ข่าวกีฬาต่างประเทศในตอนนี้ถ้าพูดถึงสุดยอดนักมวยปล้ำสายอธรรมในปี 2000 นั้นคงมีเพียงสองชื่อที่หลุดเข้ามาในหัวของแฟนมวยปล้ำนั่นก็คือ ทริปเปิ้ลเอช กับสก็อต สไตเนอร์นั่นเอง โดยทางฝ่ายแรกก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในปี 1999 ก่อนจะลากยาวมาถึงปี 2000 ส่วนทางสก็อตก็คว้าแชมป์สมัยแรกมาได้ในรายการเมย์แฮมในปีเดียวกัน จนกระทั่งในปี 2003 นั้นทางสองอคนมีโอกาสมาเจอกัน แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้                หลังจากที่ทางสงครามวันจันทร์ของวงการมวยปล้ำจบลงด้วยชัยชนะของวินซ์ แมคแมนนั้น ทาง ทริปเปิ้ลเอช ก็กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา ส่วนทางนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ของค่ายคู่แข่งเก่าอย่างเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งก็ต้องย้ายตามมาเมื่อหมดสัญญาลงไป ซึ่งทางสก็อต สไตเนอร์ก็ย้ายกลับมาสู่ค่ายใหม่ในรายการเซอร์ไวเวอร์ ซีรียส์พร้อมกับเป็นนักมวยปล้ำอิสระที่จะย้ายไปปล้ำที่ค่ายใดค่ายหนึ่งระหว่างรอว์กับสแมคดาวน์                ด้วยการที่เจ้าตัวเลือกค่ายรอว์นั่นเอง ทำให้เขามีโอกาสเจอกับทริปเปิ้ลเอชที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะมีโอกาสเจอกันในรายการรอยัลรัมเบิ้ลและโนเวย์เอาท์ ซึ่งจบลงด้วยการเอาชนะของแชมป์โลก แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแมตช์นั้นกลับทำให้แฟนๆ วิจารณ์อย่างมากว่าฝีมือของพวกเขาใช้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความช้าของแมตช์และการไม่ถูกกันหลังฉากของทั้งสองคน ทริปเปิ้ลเอช ที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น                หลังจากที่จบเรื่องกับทริปเปิ้ลเอชแล้ว ทางสก็อต สไตเนอร์ก็ได้ลาออกจากสมาคมไป ก่อนที่จะยังไปปรากฏตัวในสมาคมอิมแพคเรสลิ่งเป็นหลัก พร้อมความแชมป์แทคทีมมาครองได้ถึงสองสมัย แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่มีโอกาสไปถึงจุดสูงสุดอีกเลย โดยที่ป๋ากล้ามยังคงโชว์ตัวอยู่ในสมาคมอิสระอยู่บ้างในปัจจุบัน

Continue Reading
เจค เฮกเกอร์

เจค เฮกเกอร์ กับการกลับไปสู้ที่เบลลาทอร์อีกครั้งในวงการมวยปล้ำ

ในข่าวกีฬาต่างประเทศถือว่าเป็นนักมวยปล้ำอีกคนที่ผันตัวไปขึ้นสู้แบบศิลปะป้องกัน โดย เจค เฮกเกอร์ ถือเป็นอดีตนักมวยปล้ำมือสมัครเล่น โดยมีดีกรีเป็นนักกีฬาของเอนซีดับเบิ้ลเอจากมหาวิทยาลัยของโอกาโฮมาอีกด้วย ก่อนที่ต่อมาเขาจะประสบความสำเร็จในสมาคมเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วยการเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทหนึ่งสมัย แต่ทว่าเขาเลือกจะลาออกจากสมาคมไปในช่วงปี 2018 ก่อนจะสู้ในเบลลาทอร์ในที่สุด                ในสมัยที่ เจค เฮกเกอร์ หรือชื่อเดิมอย่างแจ็ค สแวกเกอร์นั้นได้เปิดตัวในค่ายอีซีดับเบิ้ลยูในฐานะนักมวยปล้ำดาวรุ่งที่มีฝีมือจากมวยปล้ำสมัครเล่น ก่อนที่เจ้าตัวจะสามารถเอาชนะแมตต์ ฮาร์ดี้คว้าแชมป์ประจำค่ายไปได้หนึ่งสมัย ก่อนที่ในปี 2010 นั้นเจ้าตัวจะสามารถเป็นผู้ชนะในแมตช์มันนี่อินเดอะแบงค์พร้อมคว้าสิทธิชิงแชมป์โลกที่ใดก็ได้ จนกระทั่งเขาใช้สิทธิกับคริส เจอริโก้จนกลายเป็นแชมป์โลกของสแมคดาวน์ในที่สุด                แม้ว่าเฮกเกอร์ดูจะมีอนาคตที่สดใสก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับพลาดไปโดนจับในฐานะมีกัญชาไว้ในครองครองในปี 2013 และถูกลดบทบาท รวมถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองทำให้เขาไม่ไปถึงจุดสูงสุดในค่ายอีกเลย จนกระทั่งเจ้าตัวออกไปสู่ค่ายเบลลาทอร์ที่เป็นการต่อสู้โดยใช้ศิลปะป้องกันตัวที่จริงจัง ก่อนที่เขาจะมีสถิติไร้พ่ายจากการเอาชนะเจ ไคเซอร์และทีเจ โจนส์ไปด้วยการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ เจค เฮกเกอร์ หรือชื่อเดิมอย่างแจ็ค สแวกเกอร์                ถึงสถิติของเจค เฮกเกอร์จะสวยหรูก็ตาม แต่แฟนๆ ของเบลลาทอร์กลับไม่ชอบเจ้าตัวเท่าไหร่นักจากการที่ล็อคคอโจนส์ ซึ่งยอมแพ้ไปแล้วแต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมือ รวมถึงการพลาดไปอัดเข้าที่ใต้กางเกงของแอนโทนี่ การ์เร็ตจนกรรมการตั้งสั่งยุติแมตช์ไป โดยแมตช์ล่าสุดที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 29 ตุลาคมนั้นเขาจะต้องเจอกับแบรนดอน คัลตันผู้ไร้พ่ายอีกคนนั่นเอง

Continue Reading