เรนาโต้ โมอิคาโน่

เรนาโต้ โมอิคาโน่ ที่แพ้ต่อ ราฟาเอล ไฟเซฟ ในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256

กลายเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่พอสมควร หลังจากที่ เรนาโต้ โมอิคาโน่ ได้แพ้ต่อราฟาเอล ไฟเซฟในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256 และทางฝ่ายแรกได้ออกมาโทษว่ากรรมการอาจทำข้อผิดพลาดในการตัดสินจนเขาต้องแพ้ไป โดยทางโมอิคาโน่ได้มองว่าผู้ตัดสินอย่างคริส ทอกโนนี่ว่าตัวเขาสามารถสู้ได้ต่อ แม้ว่าจะโดนเล่นงานร่วงไปก็ตาม ซึ่งผลการตัดสินของไฟท์นี้นั้น นับว่าเป็นชัยชนะครั้งที่สามติดต่อกันของราฟาเอล ไฟเซฟแล้ว ส่วนทางโมอิคาโน่คงต้องหาทางกลับมาเส้นทางชัยชนะต่อไปเช่นกัน                หลังจากจบไฟท์มาแล้วนั้นทาง เรนาโต้ โมอิคาโน่ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรรมการในไฟท์อย่างคริส ทอกโนนี่ไว้ว่า เขาคิดว่าผู้ตัดสินน่าจะทำพลาดในไฟท์ เพราะหากย้อนไปดูในแมตช์นี้ดีๆ นั้น เขายังตั้งการ์ดได้อยู่เลยและเตรียมที่จะโจมตีกลับไปแล้ว แต่คริสกลับเข้ามแทรกกลางก่อนและจะตัดสินให้เขาแพ้ไป แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ต้องการวิจารณ์การทำหน้าที่ของใครก็ตาม ทว่าเขาเองก็เคยถูกเล่นงานจนร่วงมาก่อนจะกลับมาลุกขึ้นสู้และเอาชนะได้มาแล้ว ส่วนการโดนชกกลางแมตช์นั้นมันเป็นเรื่องปกติของกีฬานี้อยู่แล้วด้วย เรนาโต้ โมอิคาโน่ คงจะต้องหาทางกลับมาสู่ชัยชนะของตัวเองอีกครั้ง                ส่วนการพ่ายแพ้ของเรนาโต้ โมอิคาโน่นั้นเจ้าตัวก็ยอมรับเองว่าตัวเขาก็ทำได้ไม่ดีพอ เพราะเขาไม่ยอมทำตามแผนที่เหล่าโค้ชได้วางเอาไว้จนต้องออกมารับสภาพว่า ตัวเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนที่ตัวเองเคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปจนเท้าไม่ติดพื้น แต่ทว่าเขายังมีสติอยู่ตลอดเวลาในไฟท์นี้ แม้ว่าเขาจะได้ไปดูวิดีโอการต่อสู้ของตัวเองและเจ้าตัวก็โดนเล่นงานจนร่วมลงไป แต่ตัวเขาก็พยายามป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนน่าเสียดายที่ไม่สามารถสู้ต่อได้                เรียกว่าทางเรนาโต้ โมอิคาโน่คงจะต้องหาทางกลับมาสู่ชัยชนะของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตัวเองโชคร้ายในไฟท์และโดนกรรมการยุติการชกมวยไปทั้งที่เจ้าตัวยังเชื่อว่า สามารถสู้ต่อได้ก็ตาม ส่วนสถิติเดิมของตัวเขานั้นถือว่าต้องแพ้มาติดต่อกันถึงสามไฟท์แล้วจากการยุติของผู้ตัดสินเช่นกัน ติดตามข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
แม็คเกร์เกอร์

แม็คเกร์เกอร์ เผยไต๋อาจรีเทิร์นเวทียูเอฟซีอีกครั้ง

แม็คเกร์เกอร์ อดีตซุปเปอร์สตาร์จอมแสบของวงการยูเอฟซี โพสต์ข้อความที่สื่อว่าอาจจะกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งหลังประกาศแขวนนวมไปก่อนหน้านี้ โดย แม็คเกร์เกอร์ ประกาศอำลาวงการมวยกรงเป็นรอบที่ 3 ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าต้องการเปลี่ยนอาชีพไปเป้นนักธุรกิจแทน หลังได้ร่วมลงทุนกับเพื่อน รวมถึงการต่อสู้ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเจ้าตัวอีกต่อไป ก่อนหน้านี้เขาเคยประกาศอำลาวงการมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกคือในปี 2016 และครั้งที่ 2 คือในปี 2019 ก่อนจะประกาศคืนวงการในภายหลังทั้งหมดเนื่องจากทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเขาก็ประกาศอำลาวงการเป็นครั้งที่ 3 จนได้ โดยสื่อคาดว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้แม็คเกร์เกอร์รีไทร์ในครั้งนี้ เนื่องจากเขาไมม่อยากเจอหน้ากับ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ นักสู้คู่ปรับชาวรัสเซียที่มีเรื่องกันมาอย่างยาวนานอีกต่อไป รวมถึงการที่ยูเอฟซี เจอพิษไวรัสโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ไม่มีรายการแข่งมาหลายเดือน และส่งผลให้เขาขาดรายได้ตรงนี้ ถึงกระนั้นแม้จะประกาศอำลาวงการไปแล้ว แต่ก็มีข่าวลือในวงการข่าวกีฬาต่างประเทศมาอยู่ตลอดว่าแม็คเกร์เกอร์จะกลับมาขึ้นสังเวียนในยูเอฟซีอีกครั้ง ขณะที่เจ้าตัวก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด กระทั่งล่าสุดนักสู้ชาวไอริช ก็ได้โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัวอย่างเป็นนัยว่าอาจจะกลับเข้าสู้วงการศิลปะการต่อสู้แบบผสม หรือ เอ็มเอ็มเอ อีกครั้ง โดยโพสต์รูปที่กำลังนั่งอยู่หลังเวที พร้อมข้อความว่า “วันนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมรออยู่ที่หลังเวทีเพื่อจะออกไปลุยในหนึ่งในไฟต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต แม็คเกรเกอร์/ดิอาซ และบางทีอาจจะมีมากกว่านั้น” แม็คเกร์เกอร์ ปัดฝุ่นนวมพร้อมลงสังเวียน หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป แฟนๆก็เข้ามาคอมเมนท์เป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่เป็นการร้องขอให้แม็คเกร์เกอร์กลับมาต่อสู้อีกครั้ง เพราะเจ้าตัวถือเป็นคนดังของวงการ และเป็นสีสันที่ขาดไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามความหวังของแม็คเกร์เกอร์ในการที่จะรีแมตช์กับ คาบิบ […]

Continue Reading
โจเซ่ อัลโด้

โจเซ่ อัลโด้ ผู้ออกมาท้าทายทีเจ ดิลลาชอร์ ในวงการศิลปะการต่อสู้

นับว่าทาง โจเซ่ อัลโด้ ได้ออกมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า ตัวเขายังเป็นนักสู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในวงการศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในรุ่นใดก็ตาม ซึ่งหลังจากที่ตัวเขาสามารถเอาชนะมาร์ล่อน ชิโต้ เวร่ามาได้แล้วนั้น เขาก็ได้ออกมาท้าทายต่อทีเจ ดิลลาชอร์ทันที เนื่องจากตัวเขายังคงต้องการชิงแชมป์โลกอีกสักครั้งหนึ่งอยู่นั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ทางโจเซ่ได้มีโอกาสเจอกับปีเตอร์ แยนมาแล้วในการชิงแชมป์รุ่นแบนตัมเวทแต่กลับแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย                ในคู่เอกร่วมรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 นั้นทาง โจเซ่ อัลโด้ สามารถสู้กับมาร์ล่อน ชิโต้ เวร่าได้จนครบ 3 ยก โดยตัวเขาสามารถออกอาวุธจากลูกเตะและเล่นงานที่ลำตัวได้มากกว่าจนสามารถเอาชนะคะแนนไปได้ด้วยสกอร์ 29 ต่อ 28 ไปอย่างเอกฉันท์ ซึ่งทำให้ไฟท์นี้ถือเป็นการชนะครั้งแรกในรุ่นน้ำหนัก 135 ปอนด์อีกด้วย โดยทางผู้ชนะได้แสดงความเห็นหลังจบไฟท์ไว้ว่า ตัวเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งมันสำคัญต่ออาชีพของเขาอย่างมากเลยทีเดียว โจเซ่ อัลโด้ สามารถสู้กับมาร์ล่อน ชิโต้ เวร่าได้จนครบ 3 ยก                ช่วงยกแรกนั้นทางโจเซ่ อัลโด้ได้ถูกทางชิโต้ เวร่าพยายามเล่นเล่นงานเร็วก่อน แต่ทว่าเชิงของโจเซ่ยังดีอยู่ ก่อนที่จะสามารถเล่นงานที่กลางลำตัวได้จบครบยกที่หนึ่ง เมื่อทางเวร่าพยาพยามจับจุดการต่อสู้กับฝ่ายแรกในช่วงยกต่อมาได้แล้วก็ตาม แต่ทว่าการโจมตีของโจเซ่ก็ทำให้ทางตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้ รวมถึงยังมีการถูกล็อคตัวและเล่นงาน แม้ว่าจะยังไม่ได้ถูกน็อคก็ตาม ซึ่งก่อนหน้าจะขึ้นชกนี้ทางโจเซ่เองก็ได้ออกมยืนยันว่าตัวเขาจะต้องไต่อันดับเข้าไปชิงแชมป์ยูเอฟวีให้ได้ ซึ่งเป้าหมายคนต่อไปคือทางทีเจ […]

Continue Reading
มาร์ลอน โมเรส

มาร์ลอน โมเรส ที่ต้องการท้าทายตัวเองมากกว่าอยู่เฉย ๆ ในการขึ้นชก

อาจเป็นเพราะทาง มาร์ลอน โมเรส ได้ขึ้นชกกับนักสู้ในรุ่นแบนตัมเวทมาตลอดสามปีนับตั้งแต่ปี 2017 ที่ตัวเขาได้เข้ามาสู้ในสมาคมยูเอฟซี ซึ่งเขาได้มองว่าการต่อสู้ครั้งที่เก้าในสมาคมนี้น่าจะช่วยให้เขาเจอกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอาชีพเขาเลยทีเดียว โดยย้อนไปในอดีตนั้นทางมาร์ลอนได้เจอกับแชมป์ของรุ่นมาก่อนแล้ว แต่ทว่าเขากลับแพ้ไป ก่อนที่จะกลับมามีโอกาสได้สู้กันนักชกคนอื่นพร้อมกับเอาชนะมาได้แล้ว แต่ทว่ายังไม่มีโอกาสกลับไปแก้มืออีกครั้งเลยนับตั้งแต่นั้น                ในการที่ มาร์ลอน โมเรส ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ดับเบิ้ลเอสโอเอฟได้ท้าชิงแชมป์เจอกับเฮนรี่ เซจูโด้ในปี 2019 แต่ทว่าเจ้าตัวกลับแพ้ไป ก่อนที่ต่อมาจะได้สู้กับโจเซ่ อัลโด้และสามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ทว่าทางอัลโด้กลับมีโอกาสได้ขึ้นไปท้าชิงแชมป์แทนเขาในช่วงปลายปี จนกระทั่งตัวเขาต้องพักการชกไปอย่างยาวนานด้วยภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งเจ้าตัวต้องรอจนถึงเดือนตุลาคมที่จะกลับมาสู่สังเวียนอีกครั้ง แต่กลับต้องแพ้น็อคเอาท์ให้กับคอรี่ แซนด์ฮาเกน มาร์ลอน โมเรส ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ดับเบิ้ลเอสโอเอฟได้ท้าชิงแชมป์เจอกับเฮนรี่ เซจู                เมื่อมาร์ลอน โมเรสหรือฉายาเมจิกกำลังต้องการชัยชนะจากรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 และมีคิวต้องเจอกับร็อบ ฟอนต์ พร้อมยอมรับว่าตัวเขามีความกดดันที่จะต้องขึ้นชกในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมาร์ลอนยังท้าทายตัวเองอยู่ตลอดและมาที่นี่เพื่อชัยชนะอีกด้วย โดยตัวเขากระหายชัยชนะอย่างมาก หลังจากที่ไฟท์ล่าสุดต้องแพ้มาได้ทำให้เขายิ่งต้องการจะสู้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ต้องพยายามท้าทายตัวเองให้เป็นคนที่เก่งกว่าเดิมในทุกๆ วัน หากตัวเขาต้องแพ้ไปในไฟท์ที่แล้ว แต่ไฟท์ข้างหน้าเขาหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น                แม้ว่าทางมาร์ลอน โมเรสจะมีความพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะในไฟท์ที่เจอกับร็อบ ฟอนต์ในรายการยูเอฟซีเวกัสครั้งที่ 17 แต่ทว่าสุด้ทายเจ้าตัวก็ต้องแพ้ให้กับคู่ชกมวยไปตั้งแต่ยกแรก หลังจากที่โดนอัพเปอร์คัทเข้าไป ก่อนที่จะร่วงไปพร้อมกับโดนซ้ำจนกรรมการต้องมายุติการชกทันที ติดตามเรื่องราวของกีฬาอีกมากมายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
ไซม่อน โกเลคกี

ไซม่อน โกเลคกี ที่เตรียมจะขึ้นชกในรายการเคเอสดับเบิ้ลยู

น่าจะเป็นโอกาสอันดีของทาง ไซม่อน โกเลคกี ที่จะได้ขึ้นชกในรายการเคเอสดับเบิ้ลยูครั้งที่ 58 ในช่วงวันที่ 30 มกราคมปี 2021 ซึ่งจะเป็นคู่เอกร่วมกับการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทอีกด้วย โดยทางไซม่อนเคยเป็นถึงแชมป์โลกยกน้ำหนักมาก่อน รวมถึงเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วเช่นกัน ซึ่งการขึ้นชกของเขาครั้งนี้จะได้เจอกับมาร์ติน ซาวาดาที่จะสู้กันในประเทศโปแลนด์จากการยืนยันของเจ้าหน้าที่ในสมาคมชื่อดังจากโปแลนด์และทวีปยุโรปอีกด้วย                ด้าน ไซม่อน โกเลคกี เองนั้นได้เริ่มขึ้นสู่วงการนักสู้ศิลปะป้องกันตัวนับตั้งแต่ตัวเขาได้ประกาศลาออกจากวงการยกน้ำหนักที่ตัวเขาเคยคว้าแชมป์โลกมาก่อน ซึ่งการเปลี่ยนมาเป็นนักสู้แล้วนั้นตัวเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งได้มากถึง 8 ครั้งและพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยการเอาชนะในสมาคมเคเอสดับเบิ้ลยูนั้นยังเป็นการจัดการคู่ต่อสู้ได้สองครั้งรวดผ่านการน็อคมาริอุส พัดเซียโนสกี อีกทั้งยังเอาชนะดาเมียน แจนิโคสกีได้อีกเช่นกันจากการขึ้นชกครั้งล่าสุดของทางไซม่อนกับวงการนี้ ไซม่อน โกเลคกี เองนั้นได้เริ่มขึ้นสู่วงการนักสู้ศิลปะป้องกันตัว                ซึ่งการชกครั้งต่อไปของทางไซม่อน โกเลคกีนั้นก็จะเป็นการเจอกับมาร์ติน ซาวาดาที่มีพี่ชายอย่างเดวิดที่ได้เซ็นสัญญากับทางยูเอฟซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังจะเป็นคู่เอกร่วมกับการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทของซาลาดีน พาร์เนสสีที่จะต้องป้องกันกับเดเนี่ยล ตอร์เรสนั่นเอง โดยสถิติไร้พ่ายของพาสเนสสีเองถือว่าเป็นหนึ่งในนักชกระดับสูงของทวีปยุโรปจากการเอาชระได้ 14 ไฟท์และเสมอเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาห้าครั้งรวดในสมาคมเดียวกัน ซึ่งสองครั้งล่าสุดเป้นการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทที่ตัวเองครองอยู่                นับว่าเป็นชีวิตที่สดใสไม่น้อยสำหรับทางไซม่อน โกเลคกีที่สามารถเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นนักยกน้ำหนักสู่นักชกศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเจ้าตัวได้กลายเป็นคู่เอกร่วมในสมาคมเคเอสดับเบิ้ลยูที่นับว่าเป็นค่ายใหญ่ในทวีปยุโรป รวมถึงชัยชนะครั้งหน้าของเขาอาจจะมีโอกาสทำให้เจ้าตัวได้ชิงแชมป์หรือเป็นคู่เอกในอนาคตนั่นเอง ติดตามกีฬาต่าง ๆ มากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
จอร์ฟ เนล

จอร์ฟ เนล ที่ไม่สนเรื่องกระแสของ คัมแซท ชีเมฟ นักสู้ดาวรุ่ง

แม้ว่าทางรุ่นเวลเทอร์เวทจะมีเรื่องมากมายเป็นกระแสก็ตาม แต่ทว่าทาง จอร์ฟ เนล ที่มีไฟท์ต้องเจอกับสตีเฟ่น ธอมป์สันนั้นไม่ได้มีสนใจว่าข่าวคราวในวงการจะเป็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องของคัมแซท ชีเมฟที่เป็นนักสู้ดาวรุ่งและมีสถิติชนะสองไฟท์เท่านั้น แต่กลับได้ขึ้นชกเป็นคู่ใหญ่จนทางธอมป์สันต้องออกมาพูดถึงกระแสนี้ว่าตัวเขาไม่เข้าใจเลย ส่วนทางจอร์ฟนั้นก็มองว่าสิ่งที่คัมแวททำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทว่านักสู้คนนั้นก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอเช่นกัน                การที่ จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ กับนักชกในรุ่นเดียวกันอย่างคัมแซท ชีเมฟที่เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ถึงสองไฟท์ในระยะเวลาเพียง 10 วันก็ตาม ซึ่งตัวเขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเลย แต่ตัวเขาก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นกัน เพราะยูเอฟซีก็เป็นธุรกิจหนึ่ง  แล้วสิ่งที่คัมแซททำเพื่อมายืนถึงจุดนี้ก็เป็นวิธีการที่เข้าใจได้ หากพูดในมุมมองของธุรกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องการต่อสู้นั้น ทางจอร์ฟมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่นักสู้คนนี้จะมาอยู่ลำดับสูง จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ                เมื่อจอร์ฟ เนลได้พูดถึงเรื่องรุ่นน้ำหนักของตัวเองนั้น ตัวเขาก็มองว่าทางคัมแซทเพิ่งจะมีโอกาสได้สู้ในรุ่นเวลเทอร์เวทเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าตัวกลับมาอยู่ในอันดับสามของตารางได้มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และตัวเขาไม่สมควรได้รับมัน เพราะส่วนตัวนั้นตัวเขาควรได้รับความนิยมตามที่ตัวเองต้องการเท่านั้น นอกจากการพูดถึงนักสู้ในรุ่นเดียวกันแล้วนั้น ทางจอร์ฟก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนิสัยตัวเองที่รู้สึกรักศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ได้มาสู่ในยูเอฟซีเพื่อเงินแต่อย่างใด เพราะตัวเขาต้องการจารึกชื่อของเขาไว้ในวงการมากกว่า                อาจเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเช่นกัน หากทางจอร์ฟ เนลนั้นอาจตกอันดับไปแล้วมีทางคัมแซท ชีเมฟมาแทนที่เขา ทั้งที่ประสบการณ์และจำนวนไฟท์ต่างกัน แม้ว่าทุกอย่างบนโลกจะเป็นเรื่องของธุรกิจก็ตาม แต่หากใช้ความนิยมในการเลือกคู่ต่อสู้กัน ทางสมาคมก็อาจกลายเป็นมวยโชว์ไปได้ในอนาคตเช่นกัน ติดตามข่าวกีฬาอื่น ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
แบรนดอน โมเรโน่

แบรนดอน โมเรโน่ ที่กล่าวหาแชมป์ว่าใช้ข้ออ้างในการป่วยเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็นไฟท์ที่หลายคนยกให้ว่าดีที่สุดตลอดกาลของรุ่นก็ตาม แต่ทว่า แบรนดอน โมเรโน่ ได้ออกมาพูดถึงอาการป่วยของเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกฟลายเวทอย่างเดฟสัน ฟิเกวโด้ที่เจ้าตัวได้ออกมาพูดของขึ้นชกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นเหมือนข้ออ้างเท่านั้น ซึ่งตัวของแบรนดอนเองไม่ได้ชอบวิธีการเปิดเผยต่อสื่อแบบนั้น โดยทางเดฟสันมีอาการอาหารเป็นพิษก่อนขึ้นชกสองวันเท่านั้น ก่อนที่จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้งเพื่อที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ของตัวเองให้ได้ในรายการยูเอฟซี 256 นั่นเอง                ทาง แบรนดอน โมเรโน่ ได้พูดหลังจากจบไฟท์ของเขาไว้ว่า สิ่งที่ทางเดฟสัน ฟิเกวโด้ได้พูดไว้นั้นมันคือข้ออ้างเท่านั้น เพราะมันเป็นเรื่องปกติมากเลยทีเดียว โดยตัวเขานั้นเคยต้องขึ้นชกทั้งที่ยังป่วยมาแล้วถึงสองครั้งและเขาก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไปเพราะมันจะกลายเป็นข้ออ้างนั่นเอง รวมถึงตัวประธานสมาคมอย่างดาน่า ไวท์ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาบังคับให้เขาขึ้นชกอีกด้วยเพราะมันคือความรับผิดชอบของตัวเขาเองที่จะต้องขึ้นไปบนเวที อีกทั้งหากทางฟิเกวโด้ไม่ไหวจริงๆ ตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นชกเลยก็ได้เช่นกัน แบรนดอน โมเรโน่ ได้ออกมาพูดถึงอาการป่วยของเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกฟลายเวท                ตามสิ่งที่แบรนดอน โมเรโน่เข้าใจนั้น ตัวเขาคิดว่าทางแชมป์ฟลายเวทคงจะมีความรับผิดชอบที่จะต้องขึ้นไปบนเวทีเป็นคู่เอกนั้น โดยตัวเขาเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน นอกจากนี้ตัวของแบรนดอนยังมีอาการบาดเจ็บที่แขนด้วยเช่นกัน เพราะในยกที่หกนั้นตัวเขาเริ่มยกแขนซ้ายไม่ได้แล้ว ซึ่งตัวเขาพยายามจะฝืนเพื่อเข้าไปชกตามเดิม แต่ทว่าตัวเขากลับทำไม่ได้และจบด้วยความพ่ายแพ้ของเขา อีกทั้งผลตัดสินที่ตัวเขาแพ้ในยกห้าอีกด้วยและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นผลเสมอ พร้อมกับตัวเขาที่อดคว้าแชมป์หลายเวทมานั่นเอง                นับว่าทางแบรนดอน โมเรโน่ก็มีความคิดเห็นที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการขึ้นชกมวยครั้งนี้ แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ฟลายเวทได้อย่างที่ต้องการ แต่ทว่าในอนาคตนั้นตัวเขาก็น่าจะมีโอกาสแก้มือกับเดฟสัน ฟิเกวโด้อีกครั้งอย่างแน่นอน หลังจากที่ไฟท์ของทั้งคู่ได้รับการยกย่องให้เป็นการชกที่ดีที่สุดนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬามากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
เจค พอล

เจค พอล ก็ออกมาท้าทายคนดังรายต่อไปอย่าง คอนเนอร์ แมคเกรเกอร์

หลังจากที่จบรายการระหว่างไมค์ ไทสันกับรอย โจนส์ จูเนียร์ไปด้วยชัยชนะของตัวเองนั้น ทาง เจค พอล ก็ออกมาท้าทายคนดังรายต่อไปอย่างคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์ทันที เมื่อก่อนหน้านี้ทางพี่ของตระกูลพอลสามารถเอาชนะเนท โรบินสันไปได้อย่างง่ายดายจนต้องการท้าทายนักสู้คนใหม่ที่ไม่ง่ายเหมือนเดิม โดยทางตำนานของวงการยูเอฟซีนั้นก็มีคิวขึ้นยกในรายการปีหน้าอยู่เช่นกัน ส่วนทางยูทูบเบอร์นั้นก็คงจะหาทางสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วยการลองเจอกับนักสู้มืออาชีพสักครั้งนั่นเอง                ในวิดีโอของ เจค พอล นั้นเจ้าตัวได้ออกมาท้าทายในรถสปอร์ตของตัวเอง พร้อมพูดถึงเช็คเงินสดมากกว่า 50 ล้านเหรียญเพื่อให้นักสู้ชื่อดังตอบตกลงกับเขา โดยทางเจ้าตัวได้ส่งสัญญาณหาคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์ไว้และเรียกเขาด้วยคำหยาบคาย พร้อมกับแขวะว่านักชกไอริชคงจะสู้กับคนแก่สักคนในบาร์แถวนั้นหรืออาจจะเบื่อภรรยาที่บ้านอยู่จนไม่รู้จะทำอะไร ทางพอลเลยได้ส่งเช็คไปถึง 50 ล้านและมันเป็นเงินก้อนที่มากที่สุดในชีวิตของคอนเนอร์แล้ว แม้ว่าทางนักสู้ยูเอฟซีจะยังกลัวและไม่กล้าตอบรับคำท้านี้ เจค พอล ก็ได้พูดถึง ดาน่า ไวท์ ประธานสมาคมยูเอฟซี                นอกจากการด่าคอนเนอร์ด้วยถ้อยคำหยาบคายแล้วนั้น ทางเจค พอลก็ได้พูดถึงดาน่า ไวท์ประธานสมาคมยูเอฟซีที่ออกมายืนยันว่าไม่มีทางที่นักสู้ในสังกัดเขาจะไปขึ้นชกกับยูทูบเบอร์คนนี้อย่างแน่นอน จนทางพอลได้ออกมาด่าดาน่าอย่างหนักเช่นกัน ส่วนทางดาน่านั้นคงไม่สนใจการขึ้นชกโชว์อย่างที่ไมค์ ไทสันกับรอย โนส์ จูเนียร์เคยทำมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ต่างกันการแสดงกายกรรมเท่านั้น รวมถึงเขายังมีธุระที่ต้องทำผ่านสมาคมยูเอฟซีของตัวเอง ซึ่งทางคอนเนอร์จะได้กลับมาสู่เวทีกรงเหล็กอีกครั้งหนึ่ง                แม้ว่าคนทั่วโลกจะต้องการเห็นเจค พอลโดนต่อยแค่ไหนก็ตาม แต่ทว่าทางดาน่า ไวท์เองคือคนหนึ่งที่ไม่ต้องการให้มีการชกที่จริงจังระหว่างคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์กับคนที่ดังมาจากยูทูบแน่นอน ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บของนักสู้ทั้งสองคน แม้ว่าทั้งสองจะเคยขึ้นชกในกติกามวยสากลมาแล้วก็ตาม […]

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่อาจต้องลาวงการไปแล้วด้วยวัยเกษียน

แฟนๆ ของยูเอฟซี่อาจไม่ได้เห็นหน้าของ จูเนียร์ ดอสซานโตส ไปแล้ว เมื่อทางประธานสมาคมยูเอฟซีได้ออกมาเอ่ยถึงอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทคนนี้ที่เพิ่งจะแพ้ต่อไซริล เกนด้วยการน็อคเอาท์จนเป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำของเขาที่แพ้หมดรูปไปถึง 4 ไฟท์ติดต่อกันแล้ว ซึ่งดาน่าเองก็เริ่มเตือนเจ้าตัวถึงอนาคตของตัวเองในวงการนี้และตัวเขาก็อาจไม่ประกบคู่ชกที่มีจูเนียร์ไปสู้วงสนามกรงเหล็กอีกต่อไป โดยรายการยูเอฟซี 256 อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวนั่นเอง                ด้าน จูเนียร์ ดอสซานโตส นั้นเริ่มพูดถึงการเกษียนตัวเองจากวงการก่อนที่จะต้องขึ้นชกกับไซริล เกนที่กำลังทำผลงานได้ดีพร้อมสถิติชนะรวด 6 ไฟท์พร้อมกับเป็นการน็อคเอาท์ 5 ไฟท์ด้วยกัน ซึ่งในการสู้ของทั้งสองนั้นพวกเขาเริ่มต้นกันอย่างสูสี ก่อนที่ทางรุ่นน้องอย่างเกนจะเริ่มได้เปรียบจากการเตะและการรัวหมัดใส่ จนกระทั่งหมัดแจ็บที่อัดใส่จูเนียร์ไปพร้อมกับการหมุนชกที่ศอกบังเอิญไปกระแทกเข้าที่ศีรษะจนกรรมการต้องมาดูอาการและยุติการชกไปในที่สุด                เมื่อแมตช์ของจูเนียร์ ดอสซานโตสจบลงแล้วนั้น ทางดาน่า ไวท์ได้ออกมาพูดถึงไฟท์นี้ไว้ว่า สิ่งที่เขาเห็นก็คือทางจูเนียร์ได้รับอากรบาดเจ็บบนเวที ซึ่งตัวเขาเริ่มไม่รู้สึกตัวแล้วและเกิดจะเดินหนีออกไปจากไฟท์จนโดนชกซ้ำและมีการฟันศอกจนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องเล่นงานจนเหมือนเป็นการเล่นนอกเกมคาสังเวียนมวย แม้ว่าทางจูเนียร์จะเคยเป็นถึงแชมป์เฮฟวี่เวทก็ตาม แต่การพ่ายแพ้ต่อเคน วาลาสเกวสและฟรานซิส งานนูก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้แข่งในรายการยูเอฟซีไปมากถึง 23 ครั้ง                จากสถิติทั้งหมดของจูเนียร์ ดอสซานโตสนั้น เจ้าตัวได้แข่งในรายการยูเอฟซีไปมากถึง 23 ครั้ง โดยเอาชนะได้มากถึง 15 ครั้ง ก่อนที่ความพ่ายแพ้ในช่วงหลังจะทำให้เจ้าตัวพ่ายไปมากถึง 8 ครั้งด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเวลาของอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทน่าจะจบลงในอนาคตอันใกล้นี้ […]

Continue Reading
คาลิล เราท์ทรี

คาลิล เราท์ทรี กับ มาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท

ถือเป็นแมตช์ประกอบรายการที่น่าดูไม่น้อย สำหรับการเจอกันของ คาลิล เราท์ทรี กับมาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท โดยพวกเขาจะได้เจอกันในรายการยูเอฟซี่ครั้งที่ 257 ในวันที่ 23 เดือนมกราคมปี 2021 ที่จะมีแมตช์การกลับมาของคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์มาเป็นคู่เอกประจำค่ำคืน แม้ว่าก่อนหน้านี้นั้นทางคาลิลจะเริ่มมีแผนเตรียมแขนมและลาสังเวียนไป แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจ เมื่อเขายังคงต้องการแก้มือจากไฟท์ระหว่างเจ้าตัวกับไอออน คูเคลาบาที่เขาเคยแพ้ไปตั้งแต่ปี 2019 นั่นเอง                ตามกำหนดการเดิมนั้นทาง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี แต่ทว่าการมาของไวรัสโควิดได้ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดรายการได้ตามปกติจนทำให้แผนการกลับมาของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนทำให้เขาต้องห่างจากสังเวียนไปนานกว่าเดิม โดยสถิติตลอดอาชีพของเขานั้นอยู่ในระดับกลางด้วยการชนะ 4 ครั้ง แพ้ 4 ครั้งพร้อมกับไม่มีการตัดสินอีกหนึ่งครั้ง พร้อมกับรอเจอคู่ต่อสู้ที่กำลังต้องการชัยชนะในสมาคมนี้เช่นกัน                ในส่วนคู่ต่อสู้ของเราท์ทรีนั้นคือมาร์ซิน พราชโอนี ซึ่งยังไม่เคยเอาชนะใครได้เลยในสมาคม นับตั้งแต่การเจอกับแซม อัลเวย์ มาโกเมด อันคาเลฟและไมค์ โรดิเกวซที่จบลงด้วยชัยชนะของคู่แข่งทั้งสาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวของพราชโอนีจะเคยครองสถิติไม่แพ้ใครเลยตลอดแปดไฟท์ในสมาคมอย่างวันแชมป์เปี้ยนชิพนั่นเอง ซึ่งคงเป็นโอกาสอันดีที่นักชกมวยในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทจะมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งผ่านสังเวียนยูเอฟซีครั้งที่ 257 นั่นเอง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี                นับว่าเป็นไฟท์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการเจอกันของคาลิล เราท์ทรีกับมาร์ซิน พราชโอนี่ที่ผ่านแรกก็เคยพ่ายแพ้มาจนต้องการจะกอบกู้ชื่อเสียงอีกครั้ง ส่วนอีกฝ่ายก็คือนักสู้ที่เคยมีผลงนแข็งแกร่งจนไร้พ่ายมาก่อน จนกระทั่งต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเขาดีพอจะสู้กับคนอื่นในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทนี้ได้เช่นกัน […]

Continue Reading