ซิดวิเชียส

ซิดวิเชียส จะได้ต้องขึ้นปล้ำในกติกาสี่เส้าเพื่อชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสมาคม

ในปลายยุค 90 ถึงต้น 2000 จัดว่าเป็นช่วงที่วงการมวยปล้ำมีความเผ็ดร้อนอยู่มาก ทั้งเรื่องเรตติ้งของสองสมาคมดังอย่างดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูและดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเอฟในเวลานั้นพยายามขับเคี่ยวเพื่อความเป็นหนึ่งในโลก จนทำให้มักจะมีการตัดสินใจแปลก ๆ อยู่เสมอเพื่อทำให้คนหันมาสนใจรายการของตัวเองมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในการตัดสินใจครั้งเลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นกับนักมวยปล้ำที่ชื่อว่า ซิดวิเชียส ในรายการซิน โดยสาเหตุหลักก็เพราะความนิยมของสมาคมดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั้นตกลงไปมากจนพวกเขาต้องการความสดใหม่ในรายการพวกเขานั่นเอง                คู่เอกของค่ำคืนนั้นทาง ซิดวิเชียส จะได้ต้องขึ้นปล้ำในกติกาสี่เส้าเพื่อชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสมาคม ซึ่งในแมตช์จะมีทั้งซิด สก็อต สไตเนอร์ เจฟฟ์ จาเรตต์และนักมวยปล้ำปริศนาอีกคน แต่ในระหว่างที่สามคนแรกได้เริ่มต้นขึ้นสู้กันไปก่อนแล้วนั้น ก็มีจังหวะหนึ่งที่ซิดที่สูงเกือบ 2 เมตรและน้ำหนักกว่า 300 ปอนด์ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนมุมเวทีและพยายามใช้ท่าถีบหรือบิ๊กบูทเข้าที่สไตเนอร์ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากเกินไปของเขาทำให้ขาซ้ายที่ถึงพื้นเวทีก่อนของเขาไม่สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดไว้ได้แต่หักเป็นสองท่อนทันที หลังจากที่ ซิดวิเชียส ได้แต่นอนบนเวทีเฉย  ๆ เพราะขาหักไปแล้ว รายการซินก็ต้องรีบตัดจบไป เมื่อทางสมาคมลงโร้ดวอริเออร์แอนิมัลมาเป็นนักมวยปล้ำคนที่สี่ในแมตช์และทำร้ายซิดซ้ำ ก่อนจะปล่อยให้สไตเนอร์เจ้าของตำแหน่งกดนับสามเอาชนะไป แต่สิ่งที่คนสนใจมากกว่านั้นก็คือซิดได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า ทางสมาคมได้กดดันให้เขาลองใช้ท่าเหินเวหาดูบ้างเพื่อไม่ให้การปล้ำดูน่าเบื่อเกินไป แม้ว่าซิดจะไม่เคยฝึกท่านี้มาก่อนเลยก็ตาม ก่อนที่เขาจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่นานและไม่อาจกลับมาเป็นนักมวยปล้ำได้เต็มเวลาอีกต่อไป                โชคดีที่ซิดวิเชียสยังสามารถกลับมาเดินหรือวิ่งได้ตามปกติ รวมถึงยังกลับมาสู่บนเวที มวยปล้ำ อยู่เป็นครั้งคราว แต่ความกระหายเรตติ้งของค่ายดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั้นก็วนกลับมาทำร้ายตัวเอง เมื่อจบรายการซินไปได้ไม่นาน สมาคมที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดายในปี 2001 และปล่อยให้วงการมวยปล้ำซบเซาลงจนถึงปัจจุบัน ติดตามเรื่องราวของวงการมวยปล้ำที่ดุเดือดเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ เกมกีฬาที่หลายคนสนใจในวันนี้มีออกมาเป็นรูปแบบของเกมให้เลือกเล่นมากมายที่เว็บไซต์ bslot89 […]

Continue Reading
คาลิล เราท์ทรี

คาลิล เราท์ทรี กับ มาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท

ถือเป็นแมตช์ประกอบรายการที่น่าดูไม่น้อย สำหรับการเจอกันของ คาลิล เราท์ทรี กับมาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท โดยพวกเขาจะได้เจอกันในรายการยูเอฟซี่ครั้งที่ 257 ในวันที่ 23 เดือนมกราคมปี 2021 ที่จะมีแมตช์การกลับมาของคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์มาเป็นคู่เอกประจำค่ำคืน แม้ว่าก่อนหน้านี้นั้นทางคาลิลจะเริ่มมีแผนเตรียมแขนมและลาสังเวียนไป แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจ เมื่อเขายังคงต้องการแก้มือจากไฟท์ระหว่างเจ้าตัวกับไอออน คูเคลาบาที่เขาเคยแพ้ไปตั้งแต่ปี 2019 นั่นเอง                ตามกำหนดการเดิมนั้นทาง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี แต่ทว่าการมาของไวรัสโควิดได้ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดรายการได้ตามปกติจนทำให้แผนการกลับมาของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนทำให้เขาต้องห่างจากสังเวียนไปนานกว่าเดิม โดยสถิติตลอดอาชีพของเขานั้นอยู่ในระดับกลางด้วยการชนะ 4 ครั้ง แพ้ 4 ครั้งพร้อมกับไม่มีการตัดสินอีกหนึ่งครั้ง พร้อมกับรอเจอคู่ต่อสู้ที่กำลังต้องการชัยชนะในสมาคมนี้เช่นกัน                ในส่วนคู่ต่อสู้ของเราท์ทรีนั้นคือมาร์ซิน พราชโอนี ซึ่งยังไม่เคยเอาชนะใครได้เลยในสมาคม นับตั้งแต่การเจอกับแซม อัลเวย์ มาโกเมด อันคาเลฟและไมค์ โรดิเกวซที่จบลงด้วยชัยชนะของคู่แข่งทั้งสาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวของพราชโอนีจะเคยครองสถิติไม่แพ้ใครเลยตลอดแปดไฟท์ในสมาคมอย่างวันแชมป์เปี้ยนชิพนั่นเอง ซึ่งคงเป็นโอกาสอันดีที่นักชกมวยในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทจะมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งผ่านสังเวียนยูเอฟซีครั้งที่ 257 นั่นเอง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี                นับว่าเป็นไฟท์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการเจอกันของคาลิล เราท์ทรีกับมาร์ซิน พราชโอนี่ที่ผ่านแรกก็เคยพ่ายแพ้มาจนต้องการจะกอบกู้ชื่อเสียงอีกครั้ง ส่วนอีกฝ่ายก็คือนักสู้ที่เคยมีผลงนแข็งแกร่งจนไร้พ่ายมาก่อน จนกระทั่งต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเขาดีพอจะสู้กับคนอื่นในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทนี้ได้เช่นกัน […]

Continue Reading
สโตนโคลด์ สตีฟออสติน

สโตนโคลด์ สตีฟออสติน ที่มีโอกาสได้เป็นแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคมดับเบิลบูดับเบิลยูเอฟ

ข่าวกีฬาต่างประเทศในปี 1998 นั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองสำหรับ สโตนโคลด์ สตีฟออสติน ที่มีโอกาสได้เป็นแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคมดับเบิลบูดับเบิลยูเอฟเป็นครั้งแรกจากการเอาชนะชอว์น ไมเคิลส์ไปได้ แต่ทว่าหลังจากที่เขาได้ครองตำแหน่งแล้วนั้น ทางเจ้าตัวกลับไม่ยอมรับอำนาจของเหล่าผู้บริหารอย่างวินซ์ แมคแมนจนทำให้เขาเลือกที่จะต่อต้านรวมทั้งเอาเข็มขัดแชมป์โลกไปเปลี่ยนเป็นแนวของตัวเองอีกด้วย                เรื่องราวระหว่าง สโตนโคลด์ สตีฟออสติน กับวินซ์ แมคแมนเริ่มต้นขึ้นในปี 1997 หลังจากที่ออสตินได้รับบาดเจ็บจนเกือบพิการกลางเวทีทำให้ทางสมาคมจำเป็นต้องพักการปล้ำของเขาและไม่มอบสิทธิชิงแชมป์อินเตอร์คอนทิเนนทัลให้แก่เจ้าตัว จนกระทั่งออสตินจัดการแมคแมนด้วยท่าสตันเนอร์ โดยเป็นครั้งแรกที่ประธานของสมาคมโดนเล่นงานกลางเวทีอีกด้วย แต่ทว่าต่อมาออสตินก็กลับมาแข่งมวยปล้ำอีกครั้งและคว้าแชมป์โลกของสมาคมไปได้                เมื่อสโตนโคลด์ สตีฟออสตินกลายเป็นแชมป์สูงสุดและหน้าตาของสมาคมแล้วนั้น ทางวินซ์ แมคแมนก็ต้องการให้เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเป็นตัวแทนของค่ายคนต่อไป แต่ทว่าเจ้าตัวไม่ยอมรับและเลือกจะเล่นงานทุกคนอย่างไม่ไว้หน้า ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทางแมคแมนไม่มอบเข็มขัดเส้นสีน้ำเงินแบบปกติให้กับเขา โดยทางออสตินก็เลือกที่จะไปทำเข็มขัดแชมป์โลกใหม่เองและใช้หนังงูตามฉายาของเขาอย่างเจ้างูหางกระดิ่งนั่นเอง สโตนโคลด์ สตีฟออสติน กลายเป็นแชมป์สูงสุด                น่าเสียดายที่เหตุการณ์ของสโตนโคลด์ สตีฟออสตินกับเข็มขัดแชมป์โลก จะมีอายุสั้น เพราะว่าชะตาของแชมป์เส้นนั้นก็จบลงด้วยการโดนโยนลงแม่น้ำ โดยเดอะร็อคนักมวยปล้ำมาแรงอีกคนของสมาคมที่ต่อมาจะกลายเป็นคู่ปรับตลอดกาลของออสตินอีกด้วย

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่คิดว่าตัวเองถูกโกงในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256

เรียกได้ว่าเป็นเหยื่อของการทำผิดกติกาก็ว่าได้ เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ หลังจากจบไฟท์กับเซอริล เกนในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256 หลังจากที่อดีตแชมปืโลกเฮฟวี่เวทคนนี้ต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่สี่ติดต่อกันภายในระยะเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น แต่ทว่าครั้งล่าสุดกลับเป็นประเด็นที่ทำให้เขาต้องการออกมาชี้แจงเพราะการฟันศอกของเกนไปที่ท้ายทอยของเขาได้ทำตัวกรรมการต้องสั่งยุติการชกทันที รวมถึงประเด็นที่ตัวเขาอาจต้องรีไทร์ในวัย 36 ปีอีกด้วย                เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้พูดถึงไฟท์ที่ผ่านมานั้น ตัวเขาก็มองว่าตัวเองพลาดที่ไม่สมารถสู้ได้อย่างที่หวัง เพราะตัวเองมีความกดดันมากเกินไปจากเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งตัวเขาไม่ได้รู้สึกดุดันหรือบ้าเลือดมากเหมือนกับแต่ก่อน จนกระทั่งตัวเขาต้อมาเสียเปรียบในไฟท์นี้เข้าจนได้ โดยตัวเขาได้คิดไว้ก่อนแล้วว่าไฟท์ที่เจอกับเซอริล เกนจะต้องออกมาแบบนี้เนื่องจากรูปร่างของคู่แข่งและการโมตีที่เหมือนกับคนอื่นในรุ่น แต่ตัวเขากลับเปิดช่องว่างเองเสียอย่างนั้น การเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของ จูเนียร์ ดอสซานโตส กลายเป็นเรื่องโชคร้าย                แต่ประเด็นสำคัญของไฟท์ระหว่างดอสซานโตสกับเกลนั้นคือจังหวะฟันศอกที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องผิดกติกา แต่ทว่ากรรมการไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเจ้าตัวก็มองว่าทางเกนต้องการจะเล่นงานเขาด้วยหมัดปกติและมักกระแทกเข้าที่หูของเขา วึ่งมันไม่ได้ผิดกติกา แต่ทว่าท่อนแขนกับข้อศอกของเกลนั้นกระแทกกับท้ายทอยของเขาเต็มๆ จนทำให้เขาหมดสติไปไม่กี่วินาที แต่ทว่าตอนเขาได้สติกลับมาแล้วนั้น ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ก่นอที่เขาจะได้มาดูภาพย้อนหลังว่า ตัวเองได้ถูกเล่นงานเข้าที่ศีรษะจริงๆ ซึ่งตัวเขาไม่ได้พยายามหันหลังให้แต่อย่างใด แต่ตัวเขายืนในท่านั้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วอีกด้วย                นับว่าการเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของจูเนียร์ ดอสซานโตสกลายเป็นเรื่องโชคร้ายที่โดนท่าฟันศอกที่ปิดกติกาไปเสียอย่างนั้น โดยที่ตัวเขาก็พยายามยื่นเรื่องแจ้งเพื่อเปลี่ยนคำตัดสินใจไฟท์นี้ ส่วนอนาคตของเขากับยูเอฟซีนั้นก็เป็นเรื่องของดาน่า ไวท์ที่อาจจะยกเลิกสัญญาเมือ่ไหร่ก็ได้ แต่ตัวเขาจะยังไม่เลิกชกมวยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ติดตามเรื่องราวกีฬามากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่อาจต้องลาวงการไปแล้วด้วยวัยเกษียน

แฟนๆ ของยูเอฟซี่อาจไม่ได้เห็นหน้าของ จูเนียร์ ดอสซานโตส ไปแล้ว เมื่อทางประธานสมาคมยูเอฟซีได้ออกมาเอ่ยถึงอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทคนนี้ที่เพิ่งจะแพ้ต่อไซริล เกนด้วยการน็อคเอาท์จนเป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำของเขาที่แพ้หมดรูปไปถึง 4 ไฟท์ติดต่อกันแล้ว ซึ่งดาน่าเองก็เริ่มเตือนเจ้าตัวถึงอนาคตของตัวเองในวงการนี้และตัวเขาก็อาจไม่ประกบคู่ชกที่มีจูเนียร์ไปสู้วงสนามกรงเหล็กอีกต่อไป โดยรายการยูเอฟซี 256 อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวนั่นเอง                ด้าน จูเนียร์ ดอสซานโตส นั้นเริ่มพูดถึงการเกษียนตัวเองจากวงการก่อนที่จะต้องขึ้นชกกับไซริล เกนที่กำลังทำผลงานได้ดีพร้อมสถิติชนะรวด 6 ไฟท์พร้อมกับเป็นการน็อคเอาท์ 5 ไฟท์ด้วยกัน ซึ่งในการสู้ของทั้งสองนั้นพวกเขาเริ่มต้นกันอย่างสูสี ก่อนที่ทางรุ่นน้องอย่างเกนจะเริ่มได้เปรียบจากการเตะและการรัวหมัดใส่ จนกระทั่งหมัดแจ็บที่อัดใส่จูเนียร์ไปพร้อมกับการหมุนชกที่ศอกบังเอิญไปกระแทกเข้าที่ศีรษะจนกรรมการต้องมาดูอาการและยุติการชกไปในที่สุด                เมื่อแมตช์ของจูเนียร์ ดอสซานโตสจบลงแล้วนั้น ทางดาน่า ไวท์ได้ออกมาพูดถึงไฟท์นี้ไว้ว่า สิ่งที่เขาเห็นก็คือทางจูเนียร์ได้รับอากรบาดเจ็บบนเวที ซึ่งตัวเขาเริ่มไม่รู้สึกตัวแล้วและเกิดจะเดินหนีออกไปจากไฟท์จนโดนชกซ้ำและมีการฟันศอกจนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องเล่นงานจนเหมือนเป็นการเล่นนอกเกมคาสังเวียนมวย แม้ว่าทางจูเนียร์จะเคยเป็นถึงแชมป์เฮฟวี่เวทก็ตาม แต่การพ่ายแพ้ต่อเคน วาลาสเกวสและฟรานซิส งานนูก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้แข่งในรายการยูเอฟซีไปมากถึง 23 ครั้ง                จากสถิติทั้งหมดของจูเนียร์ ดอสซานโตสนั้น เจ้าตัวได้แข่งในรายการยูเอฟซีไปมากถึง 23 ครั้ง โดยเอาชนะได้มากถึง 15 ครั้ง ก่อนที่ความพ่ายแพ้ในช่วงหลังจะทำให้เจ้าตัวพ่ายไปมากถึง 8 ครั้งด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเวลาของอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทน่าจะจบลงในอนาคตอันใกล้นี้ […]

Continue Reading
คูแบรต ปูเลฟ

คูแบรต ปูเลฟ กับเป้าหมายที่จะแชมป์ไปเจอกับไทสัน ฟิวรี่

อาจเป็นผลที่พลิกล็อคก็ว่าได้ หากทาง คูแบรต ปูเลฟ สามารถเอาชนะแอนโธนี่ย์ โจชัวขึ้นมาได้จริงๆ จนกระชากแชมป์ทั้งสี่สถาบันของเจ้าตัวไปครอง แม้ว่านักชกจากประเทศบัลแกเรียจะมีอายุมากถึง 39 ปีแล้วก็ตามที นอกจากนี้เขายังมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นไปเจอกับนักชกรุ่นเฮฟวี่เวทชื่อดังอีกคนอย่างไทสัน ฟิวรี่อีกด้วย ซึ่งมันจะกลายเป็นการชิงแชมป์ทั้งสี่สถาบันเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยทางนักชกอย่างคูแบรตก็เคยแพ้มาแค่ครั้งเดียวจากตลอด 29 ไฟท์จากฝีมือของวลาดิเมียร์ คริทช์โก้ในปี 2014 หรือ 6 ปีก่อนนั่นเอง ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                จากความมุ่งมั่นนี้เองที่ทำให้ทาง คูแบรต ปูเลฟ ได้ออกมาพูดก่อนขึ้นชกไว้ว่า ตัวเขาเห็นข้อผิดพลาดมากมายจากแอนโธนีย์มาแล้ว และเขาเชื่อว่าข้อผิดพลาดเหล่านั้นยังอยู่ในตัวของแชมป์คนนี้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในไฟท์นี้ก็คือผลงานของตัวเองที่จะสามารถทำได้ดีแค่ไหน หากเขารักษาผลงานได้เขาก็จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เขารู้สึกแข็งแรงและทรงพลังานมากๆ  นี่ไม่ใช่การชกสำหรับเขาคนเดียว แต่มันคือผลงานของชาวบัลแกเรียทุกคนเพราะไม่เคยมีใครจากประเทศของเขาก้าวปึงระดับแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาก่อนอีกด้วย                นอกจากนี้ทางคูแบรต ปูเลฟก็ได้ออกมาพูดถึงเป้ามหายในอนาคตของเขาหลังจากจบไฟท์นี้ก็คือการขึ้นชกกับนักมวยคนดังอย่างไทสัน ฟิวรี่ เพราะเขาเชื่อเลยว่าไฟท์ที่ทุกคนรอคอยอย่างโจชัวร์เจอกับไทสันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากทางคูแบรตจะสามารถคว้าแชมป์ทั้งสามสถาบันอย่างดับเบิ้ลยูบีโอ ไอบีเอฟและดับเบิ้ลยูบีเอมาครองได้นั่นเอง รวมถึงบอกกับแฟนมวยทั่วโลกไว้ว่า พวกเขาต้องการแชมป์โลกคนใหม่ แชมป์โลกแบบตัวเขาคนนี้                นับว่าเป็นคำพูดที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับทางคูแบรต ปูเลฟที่ออกมาท้าทายและแสดงความมั่นใจก่อนจะขึ้นชิงแชมป์กับแอนโธนีย์ โจชัวร์ แม้ว่าจะต้องเจอกับคู่แข่งที่อายุน้อยกว่าก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าทั้งประสบการณ์และสถิติของนักชาวบัลแกเรียนี้ไม่ได้ด้อยกว่าเลย จนทำให้แนมวยอาจได้ชมการชกระหว่างเขากับไทสัน ฟิวรี่ในอนาคตได้เช่นกัน

Continue Reading
ไมค์ ไทสัน

ไมค์ ไทสัน กับการเป็นแชมป์ตอนอายุน้อยแต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเร็วเกินไป

แม้ว่าชื่อของ ไมค์ ไทสัน จะแจ้งเกิดในฐานะแชมป์เฮฟวี่เวทตั้งแต่อายุยังน้อยก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเร็วเกินไปนั้นได้ส่งผลเสียกับเขาต่อด้านอารมณ์อย่างมาก โดยเขาไม่รู้สึกว่าพร้อมเลยและยังคิดว่าช่วงเวลาก่อนที่เขาจะคว้าแชมป์นั้นคือช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพนักชกมวยของเขาอีกด้วย ส่วนในปัจจบันนั้นเขาจะมีคิวขึ้นชกกับตำนานมวยอีกคนอย่างรอย โจนส์ จูเนียร์ ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                เมื่อย้อนกลับไปถึงช่วงที่เขายังประสบความสำเร็จอย่างมากนั้น ทาง ไมค์ ไทสัน เองก็ยังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเขาเกิดขึ้นก่อนปี 1986 ที่เจ้าตัวประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์กับเอ็ดดี้ เฮิร์นจากสำนักข่าวบีบีซีว่า ช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตเขาคือการจะคว้าแชมป์เฮฟวี่เวทมาครอง เพราะตอนที่เขาทำสำเร็จนั้น ชีวิตเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะมันไม่ยังไม่ถึงเวลาของมัน จนกระทั่งอารมณ์ได้พาชีวิตของเขาไปอีกทางนั่นเอง                สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการคว้าแชมป์โลกของไมค์ ไทสันก็คือพฤติกรรมเกเรของเจ้าตัว ทั้งการกัดหูของอีวานเดอร์ โฮลีฟิวด์ คดีกระทำชำเราผู้หญิงจนทำให้เขาถูกตัดสินให้จำคุกถึง 6 ปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการติดยาเสพย์ติดจนทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายอย่างมาก ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเมื่อเจ้าตัวอายุมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าความเป็นเด็กชายในตัวของเขานั้นยังมีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม ปัจจุบันของ ไมค์ ไทสัน นั้นก็จะกลับมาขึ้นชกอีกครั้งในการเจอกับรอย โจนส์ จูเนียร์                ส่วนปัจจุบันของไมค์ ไทสันนั้นก็จะกลับมาขึ้นชกอีกครั้งในการเจอกับรอย โจนส์ จูเนียร์ ซึ่งจะเป็นการชกแบบกระชับมิตรและมีกฎกติกาที่เปลี่ยนไป อย่างการชกยกละ 2 นาทีแทนที่จะเป็น 3 นาทีแบบนักกีฬาทั่วไป รวมถึงการพยายามไม่น็อคคู่ต่อสู้เนื่องจากสภาพร่างกายของทั้งอดีตแชมป์เฮฟวี่เวททั้งสองคนนั่นเอง

Continue Reading
เล็กซ์ ลูเกอร์

เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นถือว่าเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำในยุค 80 และ 90 อยู่พอสมควร

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้ขอเสนอชื่อของ เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นถือว่าเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำในยุค 80 และ 90 อยู่พอสมควร จากบทบาทของชายงามที่มีรูปร่างดีกว่าคนอื่นเพราะเขาเคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่เขาไปอยู่ในค่ายของวินซ์ แมคแมนนั้นเขากลับถูกเปลี่ยนบทบาทจากชายผู้หลงตัวเองกลายเป็นฮัล์ค โฮแกนคนที่สองที่เน้นความรักชาติอเมริกันเป็นหลักจนทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับของแฟนๆ จนต้องย้ายกลับค่ายเก่าในที่สุด                ที่จริงแล้วความสำเร็จของ เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1990 เมื่อเขามีคิวชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับริค แฟลร์ แต่ทว่าแฟลร์ได้ลาออกจากสมาคมไป ทำให้ต้องมีการหาแชมป์คนใหม่ ก่อนที่ทางเล็กซ์จะเอาสามารถเอาชนะแบร์รี่ วินด์แฮมพร้อมคว้าแชมป์สูงสุดไปครองได้สำเร็จ แต่หลังจากที่เขาเสียแชมป์ให้สติงนั้น เจ้าตัวก็ต้องการที่จะย้ายไปเอาด้านการเพาะกายรวมทั้งเซ็นสัญญากับค่ายของวินซ์ แมคแมนแทน                ถึงแม้ว่าการเซ็นสัญญาของเล็กซ์ ลูเกอร์จะใช้เพื่อเข้าวงการเพาะกายก็ตาม แต่ทว่าเขากลับประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์จนทำให้เขาไม่ได้ลงประกวดอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้กลับสู่วงการมวยปล้ำอีกครั้งในฐานะชายงาม ก่อนที่จะโดนพลิกบทบาทเป็นอเมริกันฮีโร่แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งต้องกลับไปอยู่สมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง พร้อมกับคว้าแชมป์โลกมาจากฮัล์ค โฮแกนได้อีกด้วย                น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเล็กซ์ ลูเกอร์ก็มีโอกาสเป็นแชมป์โลกเพียงสองสมัยและมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดจากการปล้ำในลีคแทคทีมคู่กับสติง โดยบทบาทชายงามที่เขาใช้มาตลอดนั้นก็ต้องจบลงไปในปี 2007 ที่เขาเกิดอาการป่วยอย่างรุนแรนจนเป็นอัมพาตไปชั่วคราว แม้ว่าเขาจะรักษาตัวจนกลับมาเดินได้อีกครั้งแล้วก็ตาม

Continue Reading
ทริปเปิ้ลเอช

ทริปเปิ้ลเอช กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา

ข่าวกีฬาต่างประเทศในตอนนี้ถ้าพูดถึงสุดยอดนักมวยปล้ำสายอธรรมในปี 2000 นั้นคงมีเพียงสองชื่อที่หลุดเข้ามาในหัวของแฟนมวยปล้ำนั่นก็คือ ทริปเปิ้ลเอช กับสก็อต สไตเนอร์นั่นเอง โดยทางฝ่ายแรกก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในปี 1999 ก่อนจะลากยาวมาถึงปี 2000 ส่วนทางสก็อตก็คว้าแชมป์สมัยแรกมาได้ในรายการเมย์แฮมในปีเดียวกัน จนกระทั่งในปี 2003 นั้นทางสองอคนมีโอกาสมาเจอกัน แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้                หลังจากที่ทางสงครามวันจันทร์ของวงการมวยปล้ำจบลงด้วยชัยชนะของวินซ์ แมคแมนนั้น ทาง ทริปเปิ้ลเอช ก็กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา ส่วนทางนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ของค่ายคู่แข่งเก่าอย่างเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งก็ต้องย้ายตามมาเมื่อหมดสัญญาลงไป ซึ่งทางสก็อต สไตเนอร์ก็ย้ายกลับมาสู่ค่ายใหม่ในรายการเซอร์ไวเวอร์ ซีรียส์พร้อมกับเป็นนักมวยปล้ำอิสระที่จะย้ายไปปล้ำที่ค่ายใดค่ายหนึ่งระหว่างรอว์กับสแมคดาวน์                ด้วยการที่เจ้าตัวเลือกค่ายรอว์นั่นเอง ทำให้เขามีโอกาสเจอกับทริปเปิ้ลเอชที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะมีโอกาสเจอกันในรายการรอยัลรัมเบิ้ลและโนเวย์เอาท์ ซึ่งจบลงด้วยการเอาชนะของแชมป์โลก แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแมตช์นั้นกลับทำให้แฟนๆ วิจารณ์อย่างมากว่าฝีมือของพวกเขาใช้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความช้าของแมตช์และการไม่ถูกกันหลังฉากของทั้งสองคน ทริปเปิ้ลเอช ที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น                หลังจากที่จบเรื่องกับทริปเปิ้ลเอชแล้ว ทางสก็อต สไตเนอร์ก็ได้ลาออกจากสมาคมไป ก่อนที่จะยังไปปรากฏตัวในสมาคมอิมแพคเรสลิ่งเป็นหลัก พร้อมความแชมป์แทคทีมมาครองได้ถึงสองสมัย แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่มีโอกาสไปถึงจุดสูงสุดอีกเลย โดยที่ป๋ากล้ามยังคงโชว์ตัวอยู่ในสมาคมอิสระอยู่บ้างในปัจจุบัน

Continue Reading
เจค เฮกเกอร์

เจค เฮกเกอร์ กับการกลับไปสู้ที่เบลลาทอร์อีกครั้งในวงการมวยปล้ำ

ในข่าวกีฬาต่างประเทศถือว่าเป็นนักมวยปล้ำอีกคนที่ผันตัวไปขึ้นสู้แบบศิลปะป้องกัน โดย เจค เฮกเกอร์ ถือเป็นอดีตนักมวยปล้ำมือสมัครเล่น โดยมีดีกรีเป็นนักกีฬาของเอนซีดับเบิ้ลเอจากมหาวิทยาลัยของโอกาโฮมาอีกด้วย ก่อนที่ต่อมาเขาจะประสบความสำเร็จในสมาคมเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วยการเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทหนึ่งสมัย แต่ทว่าเขาเลือกจะลาออกจากสมาคมไปในช่วงปี 2018 ก่อนจะสู้ในเบลลาทอร์ในที่สุด                ในสมัยที่ เจค เฮกเกอร์ หรือชื่อเดิมอย่างแจ็ค สแวกเกอร์นั้นได้เปิดตัวในค่ายอีซีดับเบิ้ลยูในฐานะนักมวยปล้ำดาวรุ่งที่มีฝีมือจากมวยปล้ำสมัครเล่น ก่อนที่เจ้าตัวจะสามารถเอาชนะแมตต์ ฮาร์ดี้คว้าแชมป์ประจำค่ายไปได้หนึ่งสมัย ก่อนที่ในปี 2010 นั้นเจ้าตัวจะสามารถเป็นผู้ชนะในแมตช์มันนี่อินเดอะแบงค์พร้อมคว้าสิทธิชิงแชมป์โลกที่ใดก็ได้ จนกระทั่งเขาใช้สิทธิกับคริส เจอริโก้จนกลายเป็นแชมป์โลกของสแมคดาวน์ในที่สุด                แม้ว่าเฮกเกอร์ดูจะมีอนาคตที่สดใสก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับพลาดไปโดนจับในฐานะมีกัญชาไว้ในครองครองในปี 2013 และถูกลดบทบาท รวมถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองทำให้เขาไม่ไปถึงจุดสูงสุดในค่ายอีกเลย จนกระทั่งเจ้าตัวออกไปสู่ค่ายเบลลาทอร์ที่เป็นการต่อสู้โดยใช้ศิลปะป้องกันตัวที่จริงจัง ก่อนที่เขาจะมีสถิติไร้พ่ายจากการเอาชนะเจ ไคเซอร์และทีเจ โจนส์ไปด้วยการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ เจค เฮกเกอร์ หรือชื่อเดิมอย่างแจ็ค สแวกเกอร์                ถึงสถิติของเจค เฮกเกอร์จะสวยหรูก็ตาม แต่แฟนๆ ของเบลลาทอร์กลับไม่ชอบเจ้าตัวเท่าไหร่นักจากการที่ล็อคคอโจนส์ ซึ่งยอมแพ้ไปแล้วแต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมือ รวมถึงการพลาดไปอัดเข้าที่ใต้กางเกงของแอนโทนี่ การ์เร็ตจนกรรมการตั้งสั่งยุติแมตช์ไป โดยแมตช์ล่าสุดที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 29 ตุลาคมนั้นเขาจะต้องเจอกับแบรนดอน คัลตันผู้ไร้พ่ายอีกคนนั่นเอง

Continue Reading