อาจจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยาก หากจะบอกว่าการที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ที่ย้ายมาจากโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ทีมยักษ์ใหญ่ในบุนเดสลีกา ที่ได้เข้ามาคุมทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลมีผลงานที่จับต้องได้ และพาทีมประสบความสำเร็จหลังจากห่างหายแชมป์มาอย่างยาวนาน แต่ถึงแม้ว่าฟอร์มของทีมกำลังทำได้อย่างสวยหรู แต่ฝันร้ายที่แฟนหงส์หลายๆคนหวาดกลัว ในเวลานี้การคุมทีมของคล็อปป์เดินทางมาถึงระยะเวลา ที่จะพูดว่าเป็นอาถรรพ์ก็ได้ 7 ปี ของการคุมทีมหลายๆทีม ที่ผ่านมาคล็อปป์ อาจจะพาทีมเหล่านั้นประสบกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเวลาหนึ่ง ฟอร์มการเล่นที่เคยดี ก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิม ช่วงระยะเวลาตั้งแต่คุมไมน์ 05 ทีมในบุนเดสลีกา จนถึงดอร์ทมุนด์ ผู้จัดการทีมรายนี้มีฟอร์มการคุมทีม ที่หากมองเป็นภาพกราฟก็จะถือว่าพรุ่งสูงสุดและตกลงมาหลังจาก 7 ปีล่วงเลย
ผ่านไป 7 ปี จะเป็นขาลงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือไม่
ข่าวกีฬาต่างประเทศ คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากแฟนหงส์แดงในเวลานี้ จะเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี การเข้ามาคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์อาจจะเปลี่ยนโฉมหน้าของ ทีมหงส์แดง ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง แต่พอเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ไม่นาน ฟอร์มที่เคยดุดันกลับกลายเป็นกระท่อนกระแท่น และคงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน ที่หลายคนจะจับโยงผูกติดปะติดปะต่อเรื่องราว ถึงวาระการคุมทีมของคล็อปป์ ที่ผ่านการเป็นผู้จัดการมาแล้วหลายต่อหลายที่ และถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในช่วงแรกๆ แต่เมื่อเลยระยะเวลาไปถึง 7 ปี หลายสิ่งหลายอย่างก็เริ่มไม่เป็นใจ และในเวลานี้ภาพเก่าๆก็ได้วนเวียนกลับมาจนทำให้แฟนหงส์แดงเริ่มอยู่ไม่ติด
ครับเริ่มคุมทีมไมน์ 05 ในช่วงกลางฤดูกาล 2001 ทีมไมน์ในขณะนั้นอยู่ในบุนเดสลีกา 2 ลีกรองของเยอรมัน ถึงแม้ว่าการเข้ามาคุมทีม จะไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่ในปีนั้นเจอร์เก้น คล็อปป์ก็สามารถทำให้ไมน์ยังคงเอาตัวรอดอย่างปลอดภัยได้ และถึงแม้ว่าอีก 2 ปีต่อมาที่คล็อปป์ได้คุมทีมแบบเต็มตัว ก็สามารถทำให้ไมน์จบอันดับที่ 4 ทั้ง 2 ฤดูกาลไม่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาได้ ต่อมาในฤดูกาลที่ 2003-2004 เขาก็พาทีมประสบความสำเร็จเลื่อนชั้นมาบนลีกสูงสุด 7 ปี ต่อมาหลังจากประสบความสำเร็จสูงสุด ไมน์ ก็ตกลงไปสู่ดิวิชั่น 2 อีกครั้งและทั้งคู่ก็ได้แยกทางกัน
7 ปี อาถรรพ์ของเจอร์เก้น คล็อปป์ส่งต่อมาถึงสโมสรใหม่ที่เขาได้เข้ามาคุมทีมอย่างดอร์ทมุนด์ พาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่โดยในฤดูกาล 2013 สามารถคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกมาครองได้ แต่หลังจากช่วงเวลาหอมหวานได้หมดไปวัฏจักรเดิมๆก็วนเวียนกลับมาใหม่อีกครั้ง และในเวลานี้ทีมลิเวอร์พูล จะเป็นทีมต่อไปที่จะต้องแบกรับอาถรรพ์นี้หรือไม่ แฟนบอลก็คงจะต้องเอาใจช่วยและให้กำลังใจทีมต่อไป
Related Posts
- ดารีโอ ชาริช ฟอร์มแจ่มเข้าตา “สตีฟ เคอร์” คาด สเตท วอร์ริเออร์ส
- เมมฟิส กริซซ์ลี่ส์ ออกแถลงการณ์ “สตีเว่นส์ อดัมส์” เจ็บผ่าต้องผ่าตัด
- เดเมียน ลิลเลิร์ด โพสต์อำลา พอร์ทแลนด์ ปิดฉาก 11 ปี ก่อนซบ มิลวอกี้
- เดอวอนเต้ แกรม โดนแบน 2 นัด รับสารภาพเมาแล้วขับจนโดนตำรวจจับ
- 76เซอร์ส ไม่น้อยหน้า สู้ข้อเสนอ แจซ หวังรั้ง “พอล รี้ด” เล่นที่เดิมซีซันหน้า
