F1 หรือ Formula One ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของแฟน ๆ อย่างหนัก หลังประกาศจัดการแข่งขันในปฏิบัติปีหน้าที่ประเทศ “ซาอุดิอาระเบีย” เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ
เนื่องจากประเทศมหาเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้มักถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อตะวันตกอยู่เสมอ เรื่องความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศชายกับเพศหญิง การเหยียดสีผิว รวมไปถึงสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
F1สุดยอดรายการแข่งขันของรถสูตรหนึ่งถูกโจมตีอย่างหนักหลังออกมาประกาศผ่านสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการว่า จะไปจัดการแข่งขันในสนามกรุง “เจดดาห์” เมืองหลวงของประเทศซาอุดิอาระเบียในปฏิทินการแข่งฤดูกาลหน้า
โดยคาดว่าจะมีสัญญาการแข่งขันผูกพันอย่างน้อย 10 ปี ส่งผลให้ F1ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากแฟน ๆ จำนวนมากมองว่าเป็นการจัดการแข่งขันที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงความคิดสุดโต่งทางศาสนานั้น
ขัดต่อสโลแกนของF1ที่ว่า “We Race as one” ที่มีนัยยะถึงความเท่าเทียมกันเรื่องเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา รวมถึงสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ ตามการรายงานของ BBC สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ ระบุว่า การที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียผลักดันให้มีการจัดการแข่งขันF1
ภายในประเทศเป็นเพราะต้องการล้างภาพเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศก่อนหน้านี้เท่านั้น พร้อมขอร้องให้คณะกรรมการและนักแข่งF1ทุกคนศึกษาประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประเทศซาอุดิอาระเบียด้วย
F1 จะจัดแข่งในสนามกรุง “เจดดาห์” ซาอุดิอาระเบีย คาดสัญญา 10 ปี
เนื่องจาก่อนหน้านี้ รัฐบาลและเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของซาอุดิอาระเบียมีข่าวพัวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงหลายครั้ง โดยเฉพาะกรณีของนาย “จามัล คาช็อกกี” นักข่าวซาอุฯ ที่มักวิพากษ์วิจาณณ์ราชวงศ์ซาอุฯ ซึ่งถูกอุ้มฆ่าอย่างโหดเหี้ยมภายในสถานทูตซาอุฯ ประเทศตุรกี
ทั้งนี้F1ไม่ได้เพิ่งถูกโจมตีเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันเป็นครั้งแรก เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่นานF1ถูกโจมตีหลังประกาศว่าจะจัดการแข่งขันที่ประเทศ จีน, บาห์เรน, อาเซอร์ไบจาน และ รัสเซีย ด้วยเหตุผลใกล้เคียงกัน
ยังไม่รวมถึงกรณีของประเทศเวียดนามที่เคยเสนอตัวจัดการแข่งขันF1แต่ถูกกลุ่มสิทธิสัตว์เรียกร้องให้ประเทศเวียดนามเลิกรับประทาน “สุนัข” และ “แมว” ก่อนอีกด้วย
