ร็อดดี้ ไพเพอร์

ร็อดดี้ ไพเพอร์ ที่สร้างชื่อในวงการบังเทิงจากภาพยนต์สยองเรื่องเธย์ลีฟ

ชื่อของราว ร็อดดี้ ไพเพอร์ น่าจะเป็นนักมวยปล้ำตัวแสบของสมาคมชื่อดังอย่างดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเอฟที่แฟนมวยปล้ำรุ่นใหญ่น่าจะจดจำกันได้ดี แต่ทว่านอกจากนี้จากเรื่องราวบนสังเวียนผ้าใบแล้วนั้น เจ้าตัวยังเคยมีโอกาสไปโลดแล่นในวงการบันเทิงมาแล้ว โดยเฉพาะในปลายยุค 80 ที่เจ้าตัวเริ่มเบนความสนใจไปสู่งานแสดงมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญอย่างเรื่องเฮลคัมส์ทูฟรอกทาวน์หรือจะเป็นเธย์ลีฟที่ทำให้ร็อดดี้ ไพเพอร์หรือเจ้าของฉายาฮ็อตร็อดได้กลายเป็นนักแสดงสุดเท่ของภาพยนตร์สุดแปลกในช่วงหนึ่งเลยทีเดียว                ช่วงที่ ร็อดดี้ ไพเพอร์ เริ่มจะหันไปสนใจด้านอื่นนอกจากการเป็นนักมวยปล้ำก็คือช่วงที่เขาได้จบบทบาทกับมิสเตอร์ทีหรือนักแสดงชื่อดังของเรื่องเอทีมในเวลานั้น ก่อนที่เขาจะได้กลับมาทิ้งท้ายเรื่องราวกับนักมวยปล้ำตัวแสบอีกคนในเวลานั้นอย่างเอเดรียน อดอนิสที่มีคาวบอยบ็อบ ออร์ตันอดีตคนสนิทย้ายไปอยู่กับอดอนิสด้วย ซึ่งผลก็ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายธรรมะเอาเสียเอง พร้อมกับส่งท้ายช่วงเวลาการเป็นนักกีฬาอย่างเต็มตัวไปในรายการเรสเซิลมาเนียครั้งที่ 3 โดยสามารถเอาชนะอดอนิสในกติกาเดิมพันผมและทำให้เอเดรียนต้องถูกโกนหัวไปในที่สุด หลังจากที่ ร็อดดี้ ไพเพอร์ ได้หันหลังจากการเป็นนักมวยปล้ำไปแล้ว         เขาก็มีโอกาสได้มาเข้าสู่วงการภาพยนตร์บ้าง จากผลงานของผู้กำกับชื่อดังอย่างจอห์น คาร์เพนเตอร์ที่ได้เลือกไพเพอร์มาแสดงในภาพยนตร์สยองขวัญชื่อว่าเธย์ลีฟที่ทำให้บทพระเอกของฮ็อตร็อดกลายเป็นภาพจำของคนรักภาพยนตร์เกรดรองไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะในประโยคเด็ดที่เขาพูดว่า ฉันมาที่นี่เพื่อเคี้ยวหมากฝรั่งและเล่นงานใครสักคน แต่ตอนนี้หมากฝรั่งของฉันหมดไปแล้ว ซึ่งประโยคเด็ดนี้ทางไพเพอร์เป็นผู้คิดขึ้นมาเองและกลายเป็นประโยคสุดเท่ของเจ้าตัวไปตลอดเลยทีเดียว                แม้ว่าร็อดดี้ ไพเพอร์จะยังคงหวนคืนวงการมวยปล้ำในฐานะ นักมวยปล้ำ และผู้จัดการให้คนอื่น ๆ บ้างก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หน้าตาของเขาได้ถูกจดจำผ่านแฟน ๆ ของภาพยนตร์สยองขวัญเกรดรองไปแล้วเช่นกัน รวมถึงตัวเขายังมีโอกาสได้แสดงซีรีย์หรือรายการโทรทัศน์มาตลอดจนเป็นอีกคนที่ประสบความสำเร็จนอกวงการนั่นเอง ติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวกีฬาอีกมากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ และในวันนี้เรามีเว็บไซต์ของเกมกีฬาฟุตบอลมาให้ร่วมเล่นและวางเดิมพันได้ที่ 7slotvip เรามีทีมงานที่คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

Continue Reading
ซิดวิเชียส

ซิดวิเชียส จะได้ต้องขึ้นปล้ำในกติกาสี่เส้าเพื่อชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสมาคม

ในปลายยุค 90 ถึงต้น 2000 จัดว่าเป็นช่วงที่วงการมวยปล้ำมีความเผ็ดร้อนอยู่มาก ทั้งเรื่องเรตติ้งของสองสมาคมดังอย่างดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูและดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเอฟในเวลานั้นพยายามขับเคี่ยวเพื่อความเป็นหนึ่งในโลก จนทำให้มักจะมีการตัดสินใจแปลก ๆ อยู่เสมอเพื่อทำให้คนหันมาสนใจรายการของตัวเองมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในการตัดสินใจครั้งเลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นกับนักมวยปล้ำที่ชื่อว่า ซิดวิเชียส ในรายการซิน โดยสาเหตุหลักก็เพราะความนิยมของสมาคมดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั้นตกลงไปมากจนพวกเขาต้องการความสดใหม่ในรายการพวกเขานั่นเอง                คู่เอกของค่ำคืนนั้นทาง ซิดวิเชียส จะได้ต้องขึ้นปล้ำในกติกาสี่เส้าเพื่อชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสมาคม ซึ่งในแมตช์จะมีทั้งซิด สก็อต สไตเนอร์ เจฟฟ์ จาเรตต์และนักมวยปล้ำปริศนาอีกคน แต่ในระหว่างที่สามคนแรกได้เริ่มต้นขึ้นสู้กันไปก่อนแล้วนั้น ก็มีจังหวะหนึ่งที่ซิดที่สูงเกือบ 2 เมตรและน้ำหนักกว่า 300 ปอนด์ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนมุมเวทีและพยายามใช้ท่าถีบหรือบิ๊กบูทเข้าที่สไตเนอร์ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากเกินไปของเขาทำให้ขาซ้ายที่ถึงพื้นเวทีก่อนของเขาไม่สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดไว้ได้แต่หักเป็นสองท่อนทันที หลังจากที่ ซิดวิเชียส ได้แต่นอนบนเวทีเฉย  ๆ เพราะขาหักไปแล้ว รายการซินก็ต้องรีบตัดจบไป เมื่อทางสมาคมลงโร้ดวอริเออร์แอนิมัลมาเป็นนักมวยปล้ำคนที่สี่ในแมตช์และทำร้ายซิดซ้ำ ก่อนจะปล่อยให้สไตเนอร์เจ้าของตำแหน่งกดนับสามเอาชนะไป แต่สิ่งที่คนสนใจมากกว่านั้นก็คือซิดได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า ทางสมาคมได้กดดันให้เขาลองใช้ท่าเหินเวหาดูบ้างเพื่อไม่ให้การปล้ำดูน่าเบื่อเกินไป แม้ว่าซิดจะไม่เคยฝึกท่านี้มาก่อนเลยก็ตาม ก่อนที่เขาจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่นานและไม่อาจกลับมาเป็นนักมวยปล้ำได้เต็มเวลาอีกต่อไป                โชคดีที่ซิดวิเชียสยังสามารถกลับมาเดินหรือวิ่งได้ตามปกติ รวมถึงยังกลับมาสู่บนเวที มวยปล้ำ อยู่เป็นครั้งคราว แต่ความกระหายเรตติ้งของค่ายดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั้นก็วนกลับมาทำร้ายตัวเอง เมื่อจบรายการซินไปได้ไม่นาน สมาคมที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดายในปี 2001 และปล่อยให้วงการมวยปล้ำซบเซาลงจนถึงปัจจุบัน ติดตามเรื่องราวของวงการมวยปล้ำที่ดุเดือดเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ เกมกีฬาที่หลายคนสนใจในวันนี้มีออกมาเป็นรูปแบบของเกมให้เลือกเล่นมากมายที่เว็บไซต์ bslot89 […]

Continue Reading
เอซีเอช

เอซีเอช การกลับมาของนักมวยปล้ำที่มีข้อพิพาทหนักพอสมควร

ข่าวกีฬาต่างประเทศในตอนนี้ถือเป็นเรื่องราวที่หนักพอสมควร สำหรับ เอซีเอช ในก่อนหน้านี้ที่ได้ออกมาวิจารณ์สมาคมของตัวเองอย่างหนักที่ทำเสื้อออกเหมือนจะมีรูปภาพที่แสดงออกถึงการเหยียดผิวจนทำให้เจ้าตัวขอลาออกไปจากสมาคมพร้อมกับกล่าวโจมตีนักมวยปล้ำอีกหลายคนพร้อมกับลาออกจากวงการไป แต่ทว่าในปลายปี 2019 นั้นเขาได้ตัดสินใจกลับสู่สังเวียนอีกรอบและเตรียมขึ้นปล้ำในรายการค่ายเมเจอร์ลีกเรสลิ่งอีกครั้งหนึ่งแล้ว                สำหรับปัญหาที่ เอซีเอช มีกลับสมาคมอย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์หรือเอนเอกซ์ทีนั้นได้เกิดขึ้นสมัยที่เจ้าตัวยังใช้ชื่อว่าจอร์แดน ไมเลสอยู่ โดยเจ้าตัวได้รับการผลักดันจนสามารถเอาชนะในทัวร์นาเมนต์เบรคเอาท์พร้อมกับสิทธิชิงแชมป์ประจำค่ายที่เจอกับอดัม โคลอีกด้วย แม้ว่าเขาจะแพ้ไปก็ตาม จนกระทั่งมีการปล่อยเสื้อลายใหม่ของจอร์แดนออกมาเป็นรูปปากที่ใกล้เคียงกับการล้อเลียนสีผิวของเขาจนทำให้เจ้าตัวไม่พอใจ                จากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ทางเอซีเอชได้ออกมาวิจารณ์คนเกี่ยวกับการเหยียดผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสมาคมเวิล์ดเรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์และริงออฟออร์เนอร์หรือจะเป็นนักมวยปล้ำอย่างเจย์ ลีทัลที่เป็นคนผิวดำเหมือนกันว่า เขาคือลุงทอมหรือชายที่เข้าข้างคนผิวขาวนั่นเอง ก่อนที่ทางตำนานนักมวยปล้ำผิวดำอีกคนอย่างบูเกอร์ทีจะออกมาปราบเจ้าตัวว่าเขากำลังต่อว่าคนอื่นมากเกินไป ซึ่งสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงที่เจ้าตัวได้ลาออกไปจากสมาคมพร้อมกับลาวงการในเวลาต่อมา เอซีเอช ได้ออกมาวิจารณ์คนเกี่ยวกับการเหยียดผิวมากมาย                หลังจากที่พักการปล้ำไปชั่วคราวนั้น ทางเอซีเอชก็ได้กลับมาปล้ำอีกครั้งในสมาคมเมเจอร์ลีกเรสลิ่งที่ให้เวลาเขาไปพักใจในเรื่องเหยียดผิวช่วงปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดเขาจะขึ้นปล้ำในรายการรีสตาร์ท รวมทั้งเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์โอเปร่าคัพอีกด้วย ซึ่งสามารถตามดูได้ผ่านช่องยูทูปของสมาคมนั่นเอง

Continue Reading
บูเกอร์ที

บูเกอร์ที นักมวยปล้ำระดับสูงสู่ตัวตลกในปี 2002ก่อนที่ค่ายจะถูกปิด

ในข่าวต่างกีฬาต่างประเทศช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นการพลิกบทบาทอยู่พอสมควรสำหรับ บูเกอร์ที ซึ่งเคยเป็นนักมวยปล้ำระดับสูงของสมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งในช่วงปี 2000 ก่อนที่ค่ายจะถูกปิดตัวไปในปีต่อมา โดยเขาได้ย้ายมาอยู่ในสมาคมคู่แข่งอย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ แต่ทว่าเขากลับได้รับบทบาทจากนักมวยปล้ำขั้นสูงไปสู่การเป็นคนขายเสียงหัวเราะคู่กับโกลดัสจนทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปและไม่คู่ควรกับแชมป์โลกอีกเลย                ในช่วงเวลาที่ บูเกอร์ที ได้ย้ายมาสมาคมใหม่นั้น เขาก็ได้เข้ามาในฐานะแชมป์โลกของดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั่นเอง ก่อนที่เขาจะมีเรื่องราวกับเดอะร็อคจนเสียแชมป์ไป ส่วนเขาก็กลายเป็นเพียงนักมวยปล้ำคนหนึ่งของกลุ่มเอนไลเอนซ์ที่ต้องมาสู้นักมวยปล้ำในค่ายใหม่ จนกระทั่งไปมีเรื่องสโตนโคล สตีฟออสตินที่โดนเล่นงานจนเสียภาพลักษณ์ตามด้วยการไปจับคู่กับเทสต์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก                จนกระทั่งในปี 2002 นั้นทางสมาคมก็มีแผนเปลี่ยนบทบาทของบูเกอร์ทีอีกครั้ง โดยเจ้าตัวได้มีเรื่องราวกับโกลดัสนักมวยปล้ำสายฮาที่มักจะแต่งตัวแปลกๆ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชม ซึ่งได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเจ้าตัวจนกลายเป็นนักมวยปล้ำที่เป็นมิตรมากขึ้น แต่ทว่านั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็นนักมวยปล้ำแทคทีมอีกครั้งพร้อมคว้าแชมป์แทคทีมมาครองได้กับเพื่อนคนใหม่อีกหนึ่งสมัย                จากการเป็นนักมวยปล้ำแทคทีมและเน้นความสนุกนี่เองได้ทำให้บูเกอร์ทีได้รับความนิยมจากแฟนๆ อย่างมากก่อนจะมีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกครั้งกับทริปเปิ้ลเอช แต่สุดท้ายเจ้าตัวเป็นฝ่ายแพ้ไปและท้าชิงแชมป์ไม่สำเร็จ โดยเขาต้องใช้เวลาอีกหลายปีเลยทีเดียว ก่อนจะกลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้งในปี 2006 นั่นเอง

Continue Reading
ทริปเปิ้ลเอช

ทริปเปิ้ลเอช กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา

ข่าวกีฬาต่างประเทศในตอนนี้ถ้าพูดถึงสุดยอดนักมวยปล้ำสายอธรรมในปี 2000 นั้นคงมีเพียงสองชื่อที่หลุดเข้ามาในหัวของแฟนมวยปล้ำนั่นก็คือ ทริปเปิ้ลเอช กับสก็อต สไตเนอร์นั่นเอง โดยทางฝ่ายแรกก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในปี 1999 ก่อนจะลากยาวมาถึงปี 2000 ส่วนทางสก็อตก็คว้าแชมป์สมัยแรกมาได้ในรายการเมย์แฮมในปีเดียวกัน จนกระทั่งในปี 2003 นั้นทางสองอคนมีโอกาสมาเจอกัน แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้                หลังจากที่ทางสงครามวันจันทร์ของวงการมวยปล้ำจบลงด้วยชัยชนะของวินซ์ แมคแมนนั้น ทาง ทริปเปิ้ลเอช ก็กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา ส่วนทางนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ของค่ายคู่แข่งเก่าอย่างเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งก็ต้องย้ายตามมาเมื่อหมดสัญญาลงไป ซึ่งทางสก็อต สไตเนอร์ก็ย้ายกลับมาสู่ค่ายใหม่ในรายการเซอร์ไวเวอร์ ซีรียส์พร้อมกับเป็นนักมวยปล้ำอิสระที่จะย้ายไปปล้ำที่ค่ายใดค่ายหนึ่งระหว่างรอว์กับสแมคดาวน์                ด้วยการที่เจ้าตัวเลือกค่ายรอว์นั่นเอง ทำให้เขามีโอกาสเจอกับทริปเปิ้ลเอชที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะมีโอกาสเจอกันในรายการรอยัลรัมเบิ้ลและโนเวย์เอาท์ ซึ่งจบลงด้วยการเอาชนะของแชมป์โลก แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแมตช์นั้นกลับทำให้แฟนๆ วิจารณ์อย่างมากว่าฝีมือของพวกเขาใช้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความช้าของแมตช์และการไม่ถูกกันหลังฉากของทั้งสองคน ทริปเปิ้ลเอช ที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น                หลังจากที่จบเรื่องกับทริปเปิ้ลเอชแล้ว ทางสก็อต สไตเนอร์ก็ได้ลาออกจากสมาคมไป ก่อนที่จะยังไปปรากฏตัวในสมาคมอิมแพคเรสลิ่งเป็นหลัก พร้อมความแชมป์แทคทีมมาครองได้ถึงสองสมัย แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่มีโอกาสไปถึงจุดสูงสุดอีกเลย โดยที่ป๋ากล้ามยังคงโชว์ตัวอยู่ในสมาคมอิสระอยู่บ้างในปัจจุบัน

Continue Reading
เคอร์รี่ วอน

เคอร์รี่ วอน เอริคจากแชมป์โลกสู่จุดจบที่แสนเศร้าสำหรับวงการมวยปล้ำ

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้สำหรับวงการมวยปล้ำแล้วเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้นกรณีของครอบครัววอน เอริคที่มักจะเสียสมาชิกในครอบครัวก่อนวัยอันควรเสมอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออดีตแชมป์โลกอย่าง เคอร์รี่ วอน เอริคที่ครั้งหนึ่งเคยก้าวไปปล้ำอยู่ที่สมาคมเวิลด์เรสลิ่งเฟดเดอเรชั่นของวินซ์ แมคแมนในนามเท็กซัส ทอร์นาโด ก่อนที่สุดท้ายคำสาปของตระกูลมวยปล้ำชื่อดังนี้จะพรากชีวิตของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ                ชีวิตนักมวยปล้ำของ เคอร์รี่ วอน เอริคนั้นเริ่มต้นในปี 1978 ในฐานะลูกชายของอดีตแชมป์โลก 23 สมัยอย่างฟริตซ์ วอน เอริค ก่อนที่เขาจะได้เปิดตัวในสมาคมบิ๊กไทม์หรือเอนดับเบิ้ลยูเอสาขาเท็กซัสนั่นเอง ก่อนที่เขาจะไปสร้างชื่อเสียงในค่ายเวิลด์คลาสแชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งพร้อมกับคว้าแชมป์สหรัฐอเมริกามาได้ในปี 1980 ด้วยการเอาชนะจีโน่ เฮอร์นาเดซได้สำเร็จ จนกระทั่งตระกูลมวยปล้ำชื่อดังนี้จะมาสร้างประวัติศาสตร์กับทีมฟรีเบิร์ดจนโด่งดังไปทั่วโลกตลอด 5 ปีหลังจากนั้น                ส่วนจุดสูงสุดของเคอร์รี่นั้นก็เกิดขึ้นในปี 1984 ที่เจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์โลกมาจากเดอะเนเจอร์บอยริค แฟลร์ได้สำเร็จหลังจากที่ท้าชิงมาหลายครั้ง พร้อมกับอุทิศชัยชนะนี้ให้แก่พี่ชายอย่างเดวิดที่เสียชีวิตก่อนรายการนี้เพียงสามเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นเพียงสองปีเท่านั้น เจ้าตัวก็เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่จากการขับรถจักรยานยนต์จนต้องเสียเท้าขวาไปพร้อมปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ทว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้กลับส่งผลแก่ลูกชายคนสำคัญของตระกูลมวยปล้ำนี้อย่างไม่มีใครคาดคิด ชีวิตนักมวยปล้ำของ เคอร์รี่ วอน เอริคนั้นเริ่มต้นในปี 1978                หลังจากการผ่าตัดเท้าของเคอร์รี่นี้เองที่ทำให้อดีตแชมป์โลกต้องใช้ยาแก้ปวดจำนวนมากรวมถึงติดสารเสพย์ติดอีกด้วย จนกระทั่งในปี 1993 นั้นเขาจะถูกตำรวจจับในข้อหามีสารไว้ครอบครองและละเมิดคำสั่งที่เคยก่อไว้ในคดีครั้งแรกจนทำให้เขามีโอกาสติดคุกหลายปี ในที่สุดเคอร์รี่ก็เลือกที่จะจบชีวิตและตำนานของตระกูลมวยปล้ำไปอีกรายอย่างน่าเสียใจ

Continue Reading
อันดราเด้

อันดราเด้ นักมวยปล้ำเม็กซิกันวัย 30 ปี อนาคตของอดีตแชมป์สหรัฐอเมริกา

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้หลังจากที่จบการดราฟท์ประจำปีของสมาคมเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ไปแล้วนั้น แต่ชื่อของ อันดราเด้ กลับยังอยู่ในลิสต์ของนักมวยปล้ำอิสระอยู่ทำให้แฟนมวยปล้ำเริ่มคิดกันแล้วว่าอนาคตของอดีตแชมป์สหรัฐอเมริกาจะเป็นไปทางไหน จากช่วงแรกที่มีกระแสข่าวลือออกมาว่าเขาอาจจะลาออกจากสมาคมหรือย้ายไปสู่ค่ายเอนเอกซ์ทีที่เจ้าตัวสร้างชื่อพร้อมกับเป็นแชมป์สูงสุดมาแล้วหนึ่งสมัยด้วยกันนั่นเอง                สำหรับปี 2020 นั้นทาง อันดราเด้ ถือว่ามีช่วงเวลาที่เป็นคลื่นขึ้นลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการถือแชมป์สหรัฐอเมริกาแบบข้ามปีนับตั้งแต่เอาชนะเรย์ มิสเตอรีโอมาได้ในสนามเมดิสัน สแควร์ การ์เด้นในปลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะป้องกันแชมป์กับผู้ท้าชิงมากมายไม่ว่าจะเป็นตัวเรย์เองหรือฮัมเบอโต คาร์ริลโล่ จนกระทั่งหันมาตั้งทีมกับนักมวยปล้ำสัญชาติเดียวกันอย่างแองเจล การ์ซ่าในเวลาต่อมา                หลังจากที่อันดราเด้ได้ร่วมทีมกับการ์ซ่าแล้ว แต่ทว่าพวกเขากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก เริ่มจากการพลาดท่าแพ้ให้แก่แชมป์แทคทีมของรอว์อย่างสตรีม โปรฟิทในเรสเซิ่ลมาเนีย ตามด้วยการเสียแชมป์สหรัฐอเมริกาให้แก่อะพอล์โลว์ ครูว์ในรายการรอว์หลังจากที่แองเจลเข้ามายุ่งในแมตช์จนต้องแพ้ไป อีกทั้งทางแองเจลก็ได้รับบาดเจ็ฐกลางแมตช์จนต้องพักการปล้ำไปช่วงคราวอีกด้วยทำให้อนาคตของเขาเริ่มไม่แน่นอนเสียแล้ว                นอกจากที่อันดราเด้ไม่ได้ถูกเลือกจากค่ายใดๆ ในสมาคมเลยทำให้แฟนๆ เริ่มคิดว่าเขาอาจกลับไปสู่เอนเอกซ์ทีที่เจ้าตัวมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดและมีโอกาสแสดงฝีมือเหมือนสมัยที่ยังอยู่สมาคมนิวเจแปนในชื่อลา ซอมบาได้อีกด้วย โดยนักมวยปล้ำวัย 30 ปีนี้ถือว่ายังมีเวลามากพอที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดในอนาคตอีกด้วย

Continue Reading

มอร์ติส นักมวยปล้ำใส่หน้ากากที่มีเชื้อสายละตินชื่อเสียงในวงการมวยปล้ำ

ในช่วงปี 1997 นั้น ทางคริส แคนยอนได้เปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญของตัวเองและกลายเป็น มอร์ติส นักมวยปล้ำใส่หน้ากากที่มีเชื้อสายละติน ก่อนที่ชื่อเสียงของเขาจะเริ่มดีขึ้นจากความเท่ของนักมวยปล้ำหน้ากากกะโหลกนี้เอง จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าตัวได้เปลี่ยนบทบาทไปอยู่กับกลุ่มของเรเว่นและไดม่อน ดัลลาส เพจ และเปิดเผยกับผู้คนว่าเขาคือนักมวยปล้ำเกย์จนประสบปัญหาทางจิตเสมอมา ติดตามต่อได้ในข่าวกีฬาต่างประเทศ                จุดเริ่มต้นของคริส แคนยอนมาสู่ มอร์ติส เกิดขึ้นจากทางแคนยอนที่รับบทบทเป็นนักมวยปล้ำระดับล่างเท่านั้น จนกระทั่งเจ้าตัวได้เจมส์ วานเดนเบิร์กมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวพร้อมสไตล์การปล้ำที่เร้าใจแฟนๆ ซึ่งทางนักมวยปล้ำแห่งความตายมักจะสู้กับกราเซียร์เสมอ จนกระทั่งในปี 1998 ที่เขาเริ่มหมดบทบาทและไปขอเข้าร่วมกลุ่มเดอะฟลอกกับเรเว่นแทน และเป็นจุดที่ทำให้เขาได้แสดงฝีมือออกมามากขึ้นอีกด้วย                จนกระทั่งเวลาผ่านไปและการล่มสลายของเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งมาถึง ทางอดีตมอร์ติสก็ได้ย้ายมาสู่ค่ายใหม่ที่เป็นคู่แข่งอย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ในฐานะกลุ่มแอนไลแอนซ์หรือรวมศิษย์เก่าของค่ายอื่นนั่นเอง โดยในช่วงนี้เขากลับได้รับอาการบาดเจ็บหนักจากหัวเข่าและหัวไหล่จนกระทั่งเกือบเสียชีวิต รวมทั้งน้ำหนักลดลงไปมากถึง 15 กิโลกรัมด้วยกัน ก่อนที่ต่อมาเขาจะกลับมาปล้ำได้อีกเพียงปีเดียวพร้อมถูกไล่ออกไปเพราะเขาเป็นนักมวยปล้ำเกย์นั่นเอง มอร์ติส ได้ย้ายมาสู่ค่ายใหม่ที่เป็นคู่แข่ง                ในช่วงแรกที่เขาออกมาจากสมาคมใหญ่แล้วนั้น อดีตมอร์ติสได้เปิดเผยว่านั่นไม่ได้เป็นเพียงบทบาทในเรื่องเท่านั้น แต่แคนยอนเป็นนักมวยปล้ำเกย์ในชีวิตจริง โดยเจ้าตัวพยายามปิดบังมาตลอดพร้อมกับเป็นโรคไบโพลาร์ที่ทำให้เขาพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไปในปี 2010 พร้อมกับจดหมายสั่งลาให้กับครอบครัว ปิดตำนานไปอย่างน่าเสียใจ

Continue Reading
โอติส

โอติส ซึ่งเป็นเพียงนักมวยปล้ำแทคทีมคนหนึ่งกลับกลายเป็นเจ้ากระเป๋ามันนี่อินเดอะแบงค์

ข่าวกีฬาต่างประเทศปี 2020 ถือเป็นช่วงที่แปลกประหลาดที่สุดของวงการมวยปล้ำปีหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากที่ โอติส ซึ่งเป็นเพียงนักมวยปล้ำแทคทีมคนหนึ่งกลับกลายเป็นเจ้ากระเป๋ามันนี่อินเดอะแบงค์ที่บรรจุสัญญาแมตช์ชิงแชมป์โลกในเวลาใดก็ได้ตามต้องการ ซึ่งกระเป๋าใบนี้นับเป็นบันไดลัดที่พาให้นักมวยปล้ำมากมายกลายเป็นแชมป์ได้ในช่วงหนึ่งของอาชีพ ซึ่งแฟนๆ เริ่มไม่มั่นใจว่านักมวยปล้ำคนนี้คู่ควรกับตำแหน่งจริงๆ หรือไม่                ในแมตช์ไตบันไดเพื่อชิงกระเป๋าใบนี้นั้น ทาง โอติส ก็เจอกับคู่แข่งมากมายไม่ว่าจะเป็นเรย์ มิสเตอริโอ อลิสเตอร์ แบล็คและเอเจ สไตล์ แต่ทว่าในตอนท้ายของแมตช์นั้นเป็นทางเอเจที่กำลังเอื้อมไปสัมผัสประเป๋าได้แล้ว จนกระทั่งโดนบารอน คอร์บินมาแย่งกระเป๋าบนบันไดก่อนที่สุดท้ายทั้งคู่จะกระเป๋าหลุดมือและตกไปอยู่กับนักมวยปล้ำร่างใหญ่ที่รออยู่ด้านล่าง เพราะเขาไม่สมารถปีนขึ้นไปได้นั่นเอง                ปัญหาก็คือหลังจากที่โอติสกลายเป็นเจ้าของกระเป๋าและสัญญาแมตช์ชิงแชมป์โลกนั้น เจ้าตัวกลับไม่ได้ดูเก่งกาจมากพอจะถือเข็มขัดแชมป์โลกได้เลย อีกทั้งในค่ายที่มีแต่นักมวยปล้ำระดับสูงวนเวียนอยู่ทั้งเดอะฟีนเบรย์ ไวแอตหรือแชมป์จักรวาลอย่างบรอน สโตรแมนที่ขับเคี่ยวกันอยู่ตลอดช่วงฤดูร้อน จนกระทั่งการมาของโรมัน เรนส์จึงไม่มีช่องว่างให้นักมวยปล้ำแทคทีมคนนี้ขึ้นไปอยู่ในระดับสูงเลย                สิ่งที่ตามมาก็คือความสนใจของแฟนๆ ที่มีกับโอติสก็หมดลงและไม่คาดคิดว่าเจ้าตัวจะกลายเป็นแชมป์โลกได้จริงๆ จนมีกระแสให้เขาเสียกระเป๋าใบนี้ให้กับผู้ที่เหมาะสมมากกว่าไม่ว่าจะเป็นเดอะมิซที่เคยใช้สัญญาแมตช์ชิงแชมป์โลกและประสบความสำเร็จในปี 2010 หรือเอเจ สไตล์ที่เป็นเดอะแบกในปัจจุบัน

Continue Reading
สตรีมเมอร์

สตรีมเมอร์ เมื่อวินซ์ แมคแมนต้องการควบคุมบัญชีของนักมวยปล้ำ

เป็นข่าวคราวที่ทำให้แฟนมวยปล้ำได้แต่วิจารณ์เลยทีเดียว สำหรับการแบนไม่ให้นักมวยปล้ำเป็น สตรีมเมอร์ ของทางสมาคมเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ หลังจากกระแสการทำสตรีมมิ่งเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและเล่นเกมกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จนทำให้เหล่าสตาร์หันไปแสดงความสามารถด้านอื่นกันบ้าง แต่ทว่าทางวินซ์ แมคแมนกลับไม่พอใจมากนักจนกระทั่งจะทำให้ยึดบัญชีออนไลน์ต่างๆ ของลูกจ้างเลยทีเดียวติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                นักมวยปล้ำคนแรกๆ ที่เริ่มหันไปเอาดีทางการ สตรีมเมอร์ ก็คือซาเวียร์ วู้ดส์อดีตแชมป์แทคทีมจากนิวเดย์ที่เป็นแฟนเกมต่างๆ และเคยท้าแข่งกับเคนนี่ โอเมก้าจากค่ายอื่นอีกด้วย ก่อนที่ทางเพจนักมวยปล้ำสาวที่ต้องรีไทร์จากอาการบาดเจ็บที่เริ่มเปลี่ยนบทบาทไปสตรีมมิ่งเกมต่างๆ แทนการขึ้นสังเวียน รวมถึงนักมวยปล้ำระดับสูงอย่างเอเจ สไตล์ที่มักจะเปิดโอกาสให้แฟนๆ ถามเรื่องราวรอบตัวของเขาได้ตามสบาย                จนกระทั่งเรื่องราวการเป็นสตรีมเมอร์ของนักมวยปล้ำต่างๆ เริ่มเข้าหูประธานสมาคมเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างวินซ์ แมคแมนที่ไม่พอใจอย่างมากที่ลูกจ้างของเขาได้ออกไปหารายได้ทางช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทวิทช์หรือคามิโอ จนประกาศให้ทุกคนปิดบัญชีให้เรียบร้อยภายในเดือนตุลาคม หากเลยเวลาไปแล้วจะทำการยึดบัญชีออนไลน์ทันที ซึ่งเหตุนี้ทำให้นักมวยปล้ำหลายคนไม่พอใจ โดยเฉพาะเพจที่กำลังไปได้ดีในการสตรีมมิ่งนั่นเอง สตรีมเมอร์ ก็คือซาเวียร์ วู้ดส์อดีตแชมป์แทคทีมจากนิวเดย์                ต้องบอกว่านี่คือการกระทำที่เกิดเหตุพอสมควรของวินซ์ แมคแมนที่มีความเป็นนักธุรกิจสูงจึงมองว่าตัวเขาเสียเปรียบที่นักมวยปล้ำเปลี่ยนไปเป็นสตรีมเมอร์แม้ว่าจะใช้ชื่อในชีวิตจริงก็ตาม โดยตามสัญญาของค่ายเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์นั้นพวกเขามีสิทธิทั้งหมดในร่างกายของนักมวยปล้ำ ที่แฟนๆ มองว่าริดรอนสิทธิมากเกินไปพร้อมวิจารณ์ในตัววินซ์อย่างหนักเลยทีเดียว

Continue Reading