ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ

ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ที่เกือบต้องรีไทร์หายไปจากรายการยูเอฟซี

เรียกได้ว่ากีฬาศิลปะป้องกันตัวยังเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่เสมอ เมื่อทาง ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้อกมาเปิดเผยว่าที่ตัวเขาจะต้องห่างหายไปจากวงการนั้นก็เพราะว่าตัวเขาถูกทีมแพทย์สั่งให้หยุดขึ้นชกหากไม่ได้ต้องการเสียชีวิตไปก่อนนั่นเอง ซึ่งจากเดิมนั้นตัวเขาได้ไต่อันดับจนกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่เตรียมจะขึ้นชิงแชมป์เวลเทอเวทของสมาคมยูเอฟซีแล้ว แต่ทว่าสองปีหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่กลับมาสู่สังเวียนอีกเลย อีกทั้งตัวเขาอาจจะต้องจบอาชีพตัวเองไปแล้วเช่นกัน                ด้วยการที่ ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้หายไปจากรายการยูเอฟซีอย่างยาวนานนั่นเอง เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าตัวเขาอาจไม่มีโอกาสได้ขึ้นสู่สังเวียนอีกต่อไปจากคำสั่งแพทย์ โดยเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริงๆ เมื่อตอนที่ผู้คนไม่รู้ความจริงนั้น เขาก็ไม่ต้องการรู้จริงๆ แต่เมื่อมีบางเรื่องได้เกิดขึ้นมาแล้วนั้น มันกลายเป็นเรื่องที่แปลกไปหมดเลย อีกทั้งตัวเขาไม่ต้องการจะพูถึงเรื่องนี้มากนักเพราะมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับตัวเขาพอสมควรเลยทีเดียว ซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอ ได้หายไปจากรายการยูเอฟซีอย่างยาวนาน                สิ่งที่เกิดขึ้นกับทางซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอก็คือ ตัวเขาเกิดติดเชื้อขึ้นมาในร่างกาย ก่อนที่จะลามไปยังกระแสเลือดของเขา ซึ่งมันจะเป็นแบคทีเรียที่แฝงตัวอยู่ในน้ำหรืออาจจะติดมาจากพืชพันธุ์ต่างๆ ที่ได้อยู่ในร่างกายของเขาจนตัวเองจะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึงแปดวันด้วยกัน เมื่อตัวเขารักษาหายครั้งแรกแล้วนั้น เจ้าตัวก็เกิดน้ำหนักลดไปหลายปอนด์ อีกทั้งยังมีไข้ขึ้นสูงจนทำให้ตัวเขาต้องกลับไปยังโรงพยาบาลเช่นเดิม แต่ทว่าสภาพร่างกายของเขานั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าจะพยายามฝึกอย่างหนักแล้วก็ตาม                เมื่อทางซานติเอโก้ พอนซินิบบิโอได้กลับไปตรวจร่างกายอีกครั้งหนึ่งแล้วนั้น เจ้าตัวก็ต้องพบกับข่าวร้ายว่าตัวเขาไม่สามารถขึ้นชกมวยได้อีกแล้ว เมื่อเขาเกิดติดเชื้อที่กระดูกจนทำให้ร่างกายของเขาไม่ปกติ ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาใหม่ตั้งแต่ต้นพร้อมเตรียมกลับมาฝึกอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานจนกว่าตัวเขากลับมาสู่ยูเอฟซีได้นั่นเอง ติดตามกีฬาอีกมากมายหลายประเภทได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จอห์น แมคคาธี

จอห์น แมคคาธี ผู้ออกมาวิจารณ์ดาน่า ไวท์ จากสมาคมยูเอฟซี

กลายเป็นเรื่องดุเดือดพอสมควร เมื่อทาง จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคมเบลลาทอร์ที่ออกมาพูดถึงประธานสมาคมยูเอฟซีอย่างดาน่า ไวท์ว่าเป็นพวกกลับกลอกในวงการ เมื่อตัวของไวท์เองกลับออกมาพูดถึงสมาคมของตัวเองว่าเป็นทีมงานสำคัญที่ทำให้วงการนักต่อสู้ยังมีต่อไปได้หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่ท่าในวิดีโอที่ทางดาน่าปล่อยออกมากลับดูเหมือนว่าตัวเขาจะยกย่องตัวเองมากจนเกินไป จนกระทั่งผู้บรรยายชื่อดังคนนี้ต้องออกมาวิจารณ์นั่นเอง                จากคำพูดของ จอห์น แมคคาธี ได้บอกว่า แม้ว่าจะมีชายคนหนึ่งที่คอยออกมาบอกว่าสื่อไม่ได้มีความสำคัญอะไรและแม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่สื่อเช่นเดียวกัน แต่ทว่าคนอย่างดาน่า ไวท์ก็เป็นคนที่ชอบออกมาวิจารณ์ถึงพาดหัวข่าวล่อเหยื่ออยู่เป็นประจำเช่นกัน แต่ทว่าสุดท้ายแล้วตัวดาน่าเองก็ใช้วิธีการแบบเดียวกันอยู่ดี จนไม่อาจจะแยกตัวเขาออกจากสื่อไปเช่นเดียวกัน โดยทางผู้บรรยายจากเบลลาทอร์เองเริ่มรู้สึกว่า ตัวของดาน่าควรละอายใจที่เคยพูดเรื่องนี้ออกไปและการเชิญชูตัวเองว่าเป็นเหมือนฮีโร่อีกด้วย จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคม                ด้วยความที่จอห์น แมคคาธีเองก็เคยเป็นนักสู้มาก่อน ตัวเขาก็ไม่ต้องการให้รายการยูเอฟซีต้องถูกยกเลิกไปในช่วงที่มาการระบาดออกมาใหม่ๆ แต่ทว่าสิ่งที่ดาน่า ไวท์ทำก็คือการเอาคนอื่นมาเสี่ยงเพื่อเงินให้กระเป๋าของตัวเองเท่านั้น อีกทั้งวิดีโอนำเสนอของเขานั้นเหมือนจะสื่อสารผิดพลาดไปเพราะตัวเขาไม่ได้ให้เครดิตกับใครเลยยกเว้นตัวเอง ซึ่งตามที่รายการในครั้งที่ 249 ได้ถูกเลื่อนไปถึงสองครั้งนั้น มันถือเป็นการเสียสละของเหล่าทีมงานกับนักกีฬามวยที่ยอมเสี่ยงเพื่อวงการตัวเองให้เดินไปต่อได้ในถึงปัจจุบัน                เรียกว่าประเด็ที่จอห์น แมคคาธีพยายามจะสื่อนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อวิดีโอจากยูเอฟซีได้ปล่อยออกมานั้นดูจะเข้าข้างทางประธานสมาคมอย่างดาน่า ไวท์มากเกินกว่านักสู้คนอื่นๆ ที่ควรได้รับเครดิตจากการมาต่อสู้หรือการเดินทาง รวมถึงการกักตัวต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาสามารถขึ้นสู้ได้นั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาอีกมากมายหลากหลายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่คิดว่าตัวเองถูกโกงในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256

เรียกได้ว่าเป็นเหยื่อของการทำผิดกติกาก็ว่าได้ เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ หลังจากจบไฟท์กับเซอริล เกนในรายการยูเอฟซีครั้งที่ 256 หลังจากที่อดีตแชมปืโลกเฮฟวี่เวทคนนี้ต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่สี่ติดต่อกันภายในระยะเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น แต่ทว่าครั้งล่าสุดกลับเป็นประเด็นที่ทำให้เขาต้องการออกมาชี้แจงเพราะการฟันศอกของเกนไปที่ท้ายทอยของเขาได้ทำตัวกรรมการต้องสั่งยุติการชกทันที รวมถึงประเด็นที่ตัวเขาอาจต้องรีไทร์ในวัย 36 ปีอีกด้วย                เมื่อทาง จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้พูดถึงไฟท์ที่ผ่านมานั้น ตัวเขาก็มองว่าตัวเองพลาดที่ไม่สมารถสู้ได้อย่างที่หวัง เพราะตัวเองมีความกดดันมากเกินไปจากเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งตัวเขาไม่ได้รู้สึกดุดันหรือบ้าเลือดมากเหมือนกับแต่ก่อน จนกระทั่งตัวเขาต้อมาเสียเปรียบในไฟท์นี้เข้าจนได้ โดยตัวเขาได้คิดไว้ก่อนแล้วว่าไฟท์ที่เจอกับเซอริล เกนจะต้องออกมาแบบนี้เนื่องจากรูปร่างของคู่แข่งและการโมตีที่เหมือนกับคนอื่นในรุ่น แต่ตัวเขากลับเปิดช่องว่างเองเสียอย่างนั้น การเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของ จูเนียร์ ดอสซานโตส กลายเป็นเรื่องโชคร้าย                แต่ประเด็นสำคัญของไฟท์ระหว่างดอสซานโตสกับเกลนั้นคือจังหวะฟันศอกที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องผิดกติกา แต่ทว่ากรรมการไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเจ้าตัวก็มองว่าทางเกนต้องการจะเล่นงานเขาด้วยหมัดปกติและมักกระแทกเข้าที่หูของเขา วึ่งมันไม่ได้ผิดกติกา แต่ทว่าท่อนแขนกับข้อศอกของเกลนั้นกระแทกกับท้ายทอยของเขาเต็มๆ จนทำให้เขาหมดสติไปไม่กี่วินาที แต่ทว่าตอนเขาได้สติกลับมาแล้วนั้น ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ก่นอที่เขาจะได้มาดูภาพย้อนหลังว่า ตัวเองได้ถูกเล่นงานเข้าที่ศีรษะจริงๆ ซึ่งตัวเขาไม่ได้พยายามหันหลังให้แต่อย่างใด แต่ตัวเขายืนในท่านั้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วอีกด้วย                นับว่าการเจ็บตัวและพ่ายแพ้ของจูเนียร์ ดอสซานโตสกลายเป็นเรื่องโชคร้ายที่โดนท่าฟันศอกที่ปิดกติกาไปเสียอย่างนั้น โดยที่ตัวเขาก็พยายามยื่นเรื่องแจ้งเพื่อเปลี่ยนคำตัดสินใจไฟท์นี้ ส่วนอนาคตของเขากับยูเอฟซีนั้นก็เป็นเรื่องของดาน่า ไวท์ที่อาจจะยกเลิกสัญญาเมือ่ไหร่ก็ได้ แต่ตัวเขาจะยังไม่เลิกชกมวยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ติดตามเรื่องราวกีฬามากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จอร์ฟ เนล

จอร์ฟ เนล ที่ไม่สนเรื่องกระแสของ คัมแซท ชีเมฟ นักสู้ดาวรุ่ง

แม้ว่าทางรุ่นเวลเทอร์เวทจะมีเรื่องมากมายเป็นกระแสก็ตาม แต่ทว่าทาง จอร์ฟ เนล ที่มีไฟท์ต้องเจอกับสตีเฟ่น ธอมป์สันนั้นไม่ได้มีสนใจว่าข่าวคราวในวงการจะเป็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องของคัมแซท ชีเมฟที่เป็นนักสู้ดาวรุ่งและมีสถิติชนะสองไฟท์เท่านั้น แต่กลับได้ขึ้นชกเป็นคู่ใหญ่จนทางธอมป์สันต้องออกมาพูดถึงกระแสนี้ว่าตัวเขาไม่เข้าใจเลย ส่วนทางจอร์ฟนั้นก็มองว่าสิ่งที่คัมแวททำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทว่านักสู้คนนั้นก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากพอเช่นกัน                การที่ จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ กับนักชกในรุ่นเดียวกันอย่างคัมแซท ชีเมฟที่เพิ่งจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ถึงสองไฟท์ในระยะเวลาเพียง 10 วันก็ตาม ซึ่งตัวเขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเลย แต่ตัวเขาก็อยู่ในสมาคมนี้เช่นกัน เพราะยูเอฟซีก็เป็นธุรกิจหนึ่ง  แล้วสิ่งที่คัมแซททำเพื่อมายืนถึงจุดนี้ก็เป็นวิธีการที่เข้าใจได้ หากพูดในมุมมองของธุรกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องการต่อสู้นั้น ทางจอร์ฟมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่นักสู้คนนี้จะมาอยู่ลำดับสูง จอร์ฟ เนล ออกมาพูดว่าตัวเขาไม่ได้อิจฉาอะไรใดๆ                เมื่อจอร์ฟ เนลได้พูดถึงเรื่องรุ่นน้ำหนักของตัวเองนั้น ตัวเขาก็มองว่าทางคัมแซทเพิ่งจะมีโอกาสได้สู้ในรุ่นเวลเทอร์เวทเพียงครั้งเดียว แต่เจ้าตัวกลับมาอยู่ในอันดับสามของตารางได้มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และตัวเขาไม่สมควรได้รับมัน เพราะส่วนตัวนั้นตัวเขาควรได้รับความนิยมตามที่ตัวเองต้องการเท่านั้น นอกจากการพูดถึงนักสู้ในรุ่นเดียวกันแล้วนั้น ทางจอร์ฟก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนิสัยตัวเองที่รู้สึกรักศักดิ์ศรีของตัวเองและไม่ได้มาสู่ในยูเอฟซีเพื่อเงินแต่อย่างใด เพราะตัวเขาต้องการจารึกชื่อของเขาไว้ในวงการมากกว่า                อาจเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเช่นกัน หากทางจอร์ฟ เนลนั้นอาจตกอันดับไปแล้วมีทางคัมแซท ชีเมฟมาแทนที่เขา ทั้งที่ประสบการณ์และจำนวนไฟท์ต่างกัน แม้ว่าทุกอย่างบนโลกจะเป็นเรื่องของธุรกิจก็ตาม แต่หากใช้ความนิยมในการเลือกคู่ต่อสู้กัน ทางสมาคมก็อาจกลายเป็นมวยโชว์ไปได้ในอนาคตเช่นกัน ติดตามข่าวกีฬาอื่น ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
ยูเอฟซี

ยูเอฟซี ที่ตั้งข้อกำหนดการเดินทางของนักสู้มายังสนามเพื่อขึ้นชก

นับว่าเป็นการตั้งข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬาที่จะต้องเดินทางมายังสนามเพื่อขึ้นชกนั้นว่าสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อมาถึงเมืองลาสเวกัสแล้ว ซึ่งเหตุผลก็มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดจนทำให้นักสู้หลายคนอาจเสี่ยงจะเป็นพาหะนำโรคได้นั่นเอง โดยการเงื่อนไขนั้นทางสมาคมจะแจ้งว่าเหล่านักกีฬาผ่านอีเมลต่างๆ โดยที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ในชื่อว่า อเล็กซ์ สคาฟฟิดิได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดในจดหมายนี้อีกด้วย                ในข้อความที่สมาคม ยูเอฟซี ได้ชี้แจงไว้ได้บอกว่า เพื่อทำให้เกิดความั่นใจต่อการตรวจหาเชื้อที่สมาคมได้จัดไว้นั้น นักกีฬาและทีมงานทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านวิธีการใดๆ ยกเว้นการเดินทางที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้นับตั้งแต่ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนขึ้นชก ซึ่งรวมถึงยานพาหนะส่วนตัวของนักกีฬา ของคนรู้จักหรือจะเป็นบริการแชร์ไรดิ่งอย่างอูเบอร์กับลิฟท์อีกด้วย โดยนโยบายนี้จะถูกบังคับใช้กับนักกีฬากับทีมงานทุกคนที่อยู่ในเมืองลาสเวกัส รวมถึงคนที่อยู่ในเมืองอื่นใกล้เคียงที่เตรียมขึ้นชกภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนสู้จริงนั่นเอง เพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬา                นอกจากนี้ทางสมาคมยูเอฟซียังได้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า ทางทีมงานกับนักสู้ทุกคนนั้นยังไม่สามารถเดินทางออกจากโรงแรมที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้ หากไม่ได้รับการอนุญาตผ่านฝ่ายจัดรายการ ซึ่งรวมถึงหลังจากขึ้นชกไปแล้วอีกด้วย หากคนที่เดินทางออกไปนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าพักเลยทีเดียว โดยหากมีผู้เล่นคนไหนต้องการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ นั้นก็จะต้องติดต่อผ่านสมาคมก่อนเช่นกันเพื่อไม่ให้มีใครต้องบังเอิญไปติดเชื้อโควิดก่อนจะเข้ามาในค่ายโดยไม่คาดคิด                นับว่าสมาคมยูเอฟซีก็พยายามจะหาทางปลอดภัยที่สุดเพื่อจัดการแข่งขันต่อไป รวมถึงไม่เสี่ยงที่จะให้มีนักกีฬาติดเชื้อโควิดจนอาจส่งผลถึงแมตช์ต่างๆ ที่ประกาศออกไปแล้ว จนเรียกได้ว่านโยบายเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาถูกออกแบบมาอย่างดีแล้ว แม้ว่านักสู้บางคนจะออกมาวิจารณ์ว่า สมาคมอาจทำเกินไปและทำให้เหล่านักสู้ไม่สามารถไปที่ใดได้เลยนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาต่างประเทศอื่น ๆ และ ข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับสาเหตุที่ไม่ไปชกที่ยูเอฟซีแต่เลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน

ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดคาดไม่น้อย เมื่อทางนักชกอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองไม่ได้ต้องการไปขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวในสมาคมดังอย่างยูเอฟซีและเลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน ซึ่งอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิคนั้นได้รับการขนาดนามว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ จนตัวเองเลือกจะย้ายวงการมาสู้แบบศิลปะป้องกันตัวหรือเอ็มเอ็มเอแทน โดยเจ้าตัวมีเป้าหมายว่าจะเป็นสุดยอดนักกีฬาของทั้งสองวงการเลยทีเดียว                สิ่งที่ คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวนั้นจะเป็นลูกผสมระหว่างมวยปล้ำกับการโจมตีด้วยขาต่างๆ รวมถึงการจับทุ่ม ซึ่งตัวเธอนั้นก็เริ่มฝึกกับตำนานอย่างจอน โจนส์และฮอลลี่ โฮมส์อีกด้วย แม้ว่าตัวเธอจะยังคงใหม่กับวงการนี้ก็ตามและยังคงไม่มีแผนที่จะรีบเปิดตัวในการสู้ครั้งต่อไปของเธอด้วยการเจอกับนักแข่งที่เคยลงสนามมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงเลือกไปสู้กับพีเอฟแอลแทนยูเอฟซีทั้งที่รู้จักกับประธานอย่างดาน่าไวท์อีกด้วย คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชก                ตามการสนทนาระหว่างคลาเรสซ่า ชิลด์กับดาน่า ไวท์นั้น ทางนักชกได้บอกว่าตัวประธานคนนี้ต้องการจะให้เธอสู้ครั้งเดียวบนเวทีแปดเหลี่ยมของเขา โดยที่จะให้สู้กับยอดฝีมือที่มีน้ำหนักเท่าเธอนั่นเอง แต่ทว่าทางนักชกกลับมองว่าตัวเธอต้องการจะฝึกฝนกับอาชีพนี้ให้นานมากพอที่จะขึ้นชก พร้อมกับพัฒนาฝีมือต่อไป ซึ่งหากดาน่าเสนอให้เธอฝึกฝนเป็นเวลานานหรือสองปีนั้นคงจะดีกับตัวเองเธอเองมากกว่า ส่วนในทางพีเอฟแอลนั้นได้เสนอให้เธอได้สู้พร้อมกับพัฒนาตัวเองไปตลอดฤดูกาลที่ทำให้เธอสนใจเลือกทางนี้มากกว่านั่นเอง                เรียกว่าทางนักชกอย่างคลาเรสซ่า ชิลด์น่าจะยังคงมีอนาคตในวงการศิลปะป้องกันตัวอีกมาก เนื่องจากชื่อชั้นของเธอเองตั้งแต่เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นไปจนถึงการเป็นการเป็นนักมวยที่ดีที่สุดแบบปอนด์ต่อปอนด์ จนกระทั่งเลือกมาเส้นทางการชกอีกแบบหนึ่งที่มีทั้งสมาคมยูเอฟซีกับพีเอฟแอลอีกด้วย ติดตามข่าวกฬาต่าง ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
จูเนียร์ ดอสซานโตส

จูเนียร์ ดอสซานโตส ที่อาจต้องลาวงการไปแล้วด้วยวัยเกษียน

แฟนๆ ของยูเอฟซี่อาจไม่ได้เห็นหน้าของ จูเนียร์ ดอสซานโตส ไปแล้ว เมื่อทางประธานสมาคมยูเอฟซีได้ออกมาเอ่ยถึงอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทคนนี้ที่เพิ่งจะแพ้ต่อไซริล เกนด้วยการน็อคเอาท์จนเป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำของเขาที่แพ้หมดรูปไปถึง 4 ไฟท์ติดต่อกันแล้ว ซึ่งดาน่าเองก็เริ่มเตือนเจ้าตัวถึงอนาคตของตัวเองในวงการนี้และตัวเขาก็อาจไม่ประกบคู่ชกที่มีจูเนียร์ไปสู้วงสนามกรงเหล็กอีกต่อไป โดยรายการยูเอฟซี 256 อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวนั่นเอง                ด้าน จูเนียร์ ดอสซานโตส นั้นเริ่มพูดถึงการเกษียนตัวเองจากวงการก่อนที่จะต้องขึ้นชกกับไซริล เกนที่กำลังทำผลงานได้ดีพร้อมสถิติชนะรวด 6 ไฟท์พร้อมกับเป็นการน็อคเอาท์ 5 ไฟท์ด้วยกัน ซึ่งในการสู้ของทั้งสองนั้นพวกเขาเริ่มต้นกันอย่างสูสี ก่อนที่ทางรุ่นน้องอย่างเกนจะเริ่มได้เปรียบจากการเตะและการรัวหมัดใส่ จนกระทั่งหมัดแจ็บที่อัดใส่จูเนียร์ไปพร้อมกับการหมุนชกที่ศอกบังเอิญไปกระแทกเข้าที่ศีรษะจนกรรมการต้องมาดูอาการและยุติการชกไปในที่สุด                เมื่อแมตช์ของจูเนียร์ ดอสซานโตสจบลงแล้วนั้น ทางดาน่า ไวท์ได้ออกมาพูดถึงไฟท์นี้ไว้ว่า สิ่งที่เขาเห็นก็คือทางจูเนียร์ได้รับอากรบาดเจ็บบนเวที ซึ่งตัวเขาเริ่มไม่รู้สึกตัวแล้วและเกิดจะเดินหนีออกไปจากไฟท์จนโดนชกซ้ำและมีการฟันศอกจนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องเล่นงานจนเหมือนเป็นการเล่นนอกเกมคาสังเวียนมวย แม้ว่าทางจูเนียร์จะเคยเป็นถึงแชมป์เฮฟวี่เวทก็ตาม แต่การพ่ายแพ้ต่อเคน วาลาสเกวสและฟรานซิส งานนูก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว จูเนียร์ ดอสซานโตส ได้แข่งในรายการยูเอฟซีไปมากถึง 23 ครั้ง                จากสถิติทั้งหมดของจูเนียร์ ดอสซานโตสนั้น เจ้าตัวได้แข่งในรายการยูเอฟซีไปมากถึง 23 ครั้ง โดยเอาชนะได้มากถึง 15 ครั้ง ก่อนที่ความพ่ายแพ้ในช่วงหลังจะทำให้เจ้าตัวพ่ายไปมากถึง 8 ครั้งด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเวลาของอดีตแชมป์เฮฟวี่เวทน่าจะจบลงในอนาคตอันใกล้นี้ […]

Continue Reading
คาลิล เราท์ทรี

คาลิล เราท์ทรี กับ มาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท

ถือเป็นแมตช์ประกอบรายการที่น่าดูไม่น้อย สำหรับการเจอกันของ คาลิล เราท์ทรี กับมาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท โดยพวกเขาจะได้เจอกันในรายการยูเอฟซี่ครั้งที่ 257 ในวันที่ 23 เดือนมกราคมปี 2021 ที่จะมีแมตช์การกลับมาของคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์มาเป็นคู่เอกประจำค่ำคืน แม้ว่าก่อนหน้านี้นั้นทางคาลิลจะเริ่มมีแผนเตรียมแขนมและลาสังเวียนไป แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจ เมื่อเขายังคงต้องการแก้มือจากไฟท์ระหว่างเจ้าตัวกับไอออน คูเคลาบาที่เขาเคยแพ้ไปตั้งแต่ปี 2019 นั่นเอง                ตามกำหนดการเดิมนั้นทาง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี แต่ทว่าการมาของไวรัสโควิดได้ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดรายการได้ตามปกติจนทำให้แผนการกลับมาของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนทำให้เขาต้องห่างจากสังเวียนไปนานกว่าเดิม โดยสถิติตลอดอาชีพของเขานั้นอยู่ในระดับกลางด้วยการชนะ 4 ครั้ง แพ้ 4 ครั้งพร้อมกับไม่มีการตัดสินอีกหนึ่งครั้ง พร้อมกับรอเจอคู่ต่อสู้ที่กำลังต้องการชัยชนะในสมาคมนี้เช่นกัน                ในส่วนคู่ต่อสู้ของเราท์ทรีนั้นคือมาร์ซิน พราชโอนี ซึ่งยังไม่เคยเอาชนะใครได้เลยในสมาคม นับตั้งแต่การเจอกับแซม อัลเวย์ มาโกเมด อันคาเลฟและไมค์ โรดิเกวซที่จบลงด้วยชัยชนะของคู่แข่งทั้งสาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวของพราชโอนีจะเคยครองสถิติไม่แพ้ใครเลยตลอดแปดไฟท์ในสมาคมอย่างวันแชมป์เปี้ยนชิพนั่นเอง ซึ่งคงเป็นโอกาสอันดีที่นักชกมวยในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทจะมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งผ่านสังเวียนยูเอฟซีครั้งที่ 257 นั่นเอง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี                นับว่าเป็นไฟท์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการเจอกันของคาลิล เราท์ทรีกับมาร์ซิน พราชโอนี่ที่ผ่านแรกก็เคยพ่ายแพ้มาจนต้องการจะกอบกู้ชื่อเสียงอีกครั้ง ส่วนอีกฝ่ายก็คือนักสู้ที่เคยมีผลงนแข็งแกร่งจนไร้พ่ายมาก่อน จนกระทั่งต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเขาดีพอจะสู้กับคนอื่นในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทนี้ได้เช่นกัน […]

Continue Reading